ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอที่ออกอากาศทางแพลตฟอร์มไหน Facebook, Twitter, Instagram หรือ YouTube การเรียกความสนใจจากผู้ชมผ่านวิดีโอสดหรือ Live Video ก็ยังเป็นวิธีทรงพลังในการถ่ายทอดแนวคิดและจุดประกายความภักดีในสินค้าหรือแบรนด์ โชคดีที่เคล็ดลับการทำ Live Video ให้ดีนั้นไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ง่ายและมีมุมมองหลายปัจจัยดังต่อไปนี้
ทีมงาน Switcher Studio ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เพิ่มเอฟเฟ็กต์ในวิดีโอ Live สด รวบรวมสถิติน่าสนใจมาตกผลึกเป็น “วิธีใช้ Live Video เพื่อสร้างธุรกิจ” โดยบอกว่า 8 ใน 10 คนอยากดูวิดีโอสดมากกว่าอ่านโพสต์บล็อกหรือโซเชียลมีเดีย
ชาวเน็ตกำลังดูอะไรอยู่?
เนื้อหาที่มีคนดูมากที่สุด
ข่าวด่วน: 56%
งานประชุมและคอนเสิร์ต: 43%
กีฬา: 30%
แพลตฟอร์มที่มีผู้ชมมากที่สุด
Facebook: 17% YouTube: 16% Snapchat: 12% Periscope: 9% Twitter: 9%
วิดีโอสดที่มีคนดูมากที่สุด
# 1 Red Bull – 8 ล้านสตรีมในเวลาเดียวกัน: ในปี 2012 Felix Baurngartner กระโดดจากแคปซูลอวกาศที่ความสูง 120,000 ฟุต แล้วใช้ร่มชูชีพร่อนลงบนพื้นโลก
# 2 FIFA – 7.7 ล้านวิวพร้อมกัน: การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ระหว่างอาร์เจนตินาและไอซ์แลนด์สิ้นสุดลงด้วยผลเสมอ 1-1 สามารถทำลายสถิติที่ NFL เคยทำได้
# 4 POTUS – ชมพร้อมกัน 4.6 ล้านครั้ง: ในปี 2017 พิธีการของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นหนึ่งในอีเวนท์ข่าวใหญ่ที่สุดที่เคยมีการสตรีมสดพร้อมกันทั่วโลก
# 5 SpaceX – 2.3 ล้านวิว: ในปี 2018 การปล่อยตัวจรวด Falcon Heavy ที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ถูกสตรีมสดจาก Cape Canaveral
ในปี 2019 สตรีมสดของ YouTube จากมหกรรมดนตรีและศิลปะ Coachella สามารถรวบรวมยอดชมสด 82 ล้านวิวในช่วงสุดสัปดาห์แรกของเทศกาลช่วงเมษายนที่ผ่านมา
ทำไมควรทำ Live Video
มีเพียง 20% ของผู้อ่านเท่านั้นที่อ่านบทความจนจบ เพราะส่วนใหญ่จะอ่านช่วง 1 ใน 4 ส่วนแรกของบทความ และ 69% ของผู้ใช้จะเลือกชมวิดีโอมากกว่าการอ่านข้อความเมื่อต้องการศึกษาแบรนด์ที่สนใจ
สถิติยืนยันว่าวิดีโอสดมีประสิทธิภาพมากกว่า ได้แก่
Engagement ที่สูงกว่า: สตรีมสดดึงดูดการมีส่วนร่วมหรือ engagement ได้ดีกว่าวิดีโอออนดีมานด์ทั่วไปถึง 6 เท่า
เข้าถึงได้เพิ่มอีก: 97% ของผู้บริโภคยินดีแชร์วิดีโอสดบนโซเชียลมีเดีย
เกิดยอดขายเร็วขึ้น: 2 ใน 3 ของผู้ชมวิดีโอสด จะซื้อตั๋วสำหรับกิจกรรมที่คล้ายกัน
4 แพลตฟอร์มวิดีโอสดที่ฮอตที่สุดเวลานี้ ได้แก่
1. Facebook
ผู้ใช้งานรายเดือน 2.3 พันล้านราย
ขนาดผู้ชมใหญ่ มีโอกาสเติบโตได้ง่าย
ตัวคอนเทนท์มีแนวโน้มที่จะถูกแชร์ต่อเนื่อง
2. YouTube
ผู้ใช้งานรายเดือน 1.9 พันล้านราย
วิดีโอถูกค้นพบได้ง่ายผ่านการ search
ระยะเวลาชมคอนเทนต์ยาวนานกว่าค่ายอื่น
3. Instagram
ผู้ใช้งานรายเดือน 1 พันล้านคน
สามารถส่งคอนเทนต์ไปแสดงด้านบนสุดของฟีดผู้ใช้
สามารถส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดตามได้ทันทีที่ Live สด
4. LinkedIn
ผู้ใช้งานรายเดือน 303 ล้านราย
แพลตฟอร์มล่าสุดที่จะให้บริการวิดีโอสด
เน้นเจาะกลุ่มคนทำงานมืออาชีพ วิดีโอสดจึงต้องเน้นคุณภาพ
Live สดอะไรฮอต
ภายในปี 2022 วิดีโอจะคิดเป็น 82% ของปริมาณทราฟฟิกการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด เพื่อไม่ให้ตกขบวน 5 ทางเลือกในการทำ Live สดต่อไปนี้สามารถช่วยได้
1. Q + A Sessions: สร้างคอมมูนิตี้ให้แบรนด์ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสนทนาระหว่างผู้ติดตามและผู้สนใจ
2. Webinars: ให้ความรู้แก่ผู้ชมถึงสิ่งที่แบรนด์เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำให้แบรนด์เป็น top of mind หรือแบรนด์แรกที่นึกถึงในอุตสาหกรรม
3. งานเบื้องหลัง: ให้ผู้ติดตามมีโอกาสมองเห็นเบื้องหลังการทำงานของบริษัท เป็นโอกาสแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและวัฒนธรรมขององค์กร
4. กิจกรรมอีเวนท์สด: ถ่ายทอดสดกิจกรรมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมสำคัญอื่นเพื่อสร้างกระแสและเข้าถึงผู้คนมากขึ้น
5. Crowdsourcing: ลองระดมสมองด้วยการสาธิตต้นแบบสินค้าใหม่แล้วให้ผู้ชมออกความเห็นว่าสิ่งใดที่ชอบและสิ่งใดที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลง
เคล็ดลับ & เทคนิค
1. ต้องร่วมมือ, ต้องขาย และนำคอนเทนท์กลับมาใช้ใหม่
– ร่วมมือกับ influencers เพื่อขยายการเข้าถึง
– แสดงลิงก์สำหรับซื้อ และสาธิตผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้อง
– หลังจากสตรีมสดจบลง ให้รีโพสต์เนื้อหาใหม่ในเวลาที่เหมาะสม
2. คุณภาพและความสอดคล้องเป็นคีย์สำคัญ
– ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 2 ใน 3 ต้องการชมวิดีโอคุณภาพสูง
– วิดีโอสดคุณภาพสูงจะเรียกความสนใจเมื่อเปิดให้ชมย้อนหลังแบบ on demand
– รักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้คงที่ตลอดการถ่ายทอดสด
3. ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
– สตรีม Live สดโดยตรงจาก iPhone หรือ iPad
– เพิ่มข้อความ เทคนิคพิเศษ และคลิปที่บันทึกไว้ล่วงหน้า
– บันทึกวิดีโอเพื่ออัปโหลดภายหลังสำหรับชม on demand
ที่มา: : SwitcherStudio