Site icon Thumbsup

เจาะเบื้องลึก DAAT Score ข้อสอบวัดความรู้ของคนวงการดิจิทัล แห่งแรกของประเทศไทย

เราได้คุยกับ ป้อม ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศไทย Digital Advertising Association (Thailand) / DAATถึงเบื้องลึกเบื้องหลังในการออกข้อสอบ DAAT Score ซึ่งเป็นข้อสอบวัดความรู้ของคนวงการดิจิทัล ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในช่วงที่ผ่านมา

จุดเริ่มต้นของการจัดการสอบมาจากไหน

ศิวัตร : แนวความคิดแรกเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้วในการระดมสมองของเอเจนซี่  จากการหารือกันว่าควรจะทำโปรเจกต์อะไรดีนอกจากการจัดงาน DATT DAY ในตอนนั้นมีหลายสิบไอเดียเกิดขึ้นมา  และ DAAT Score ก็คือหนึ่งในนั้น

จนกลายมาเป็นจุดตั้งต้นของไอเดีย  และนำไปสู่การพัฒนาตั้งแต่ออกแบบโครงสร้างข้อสอบ สรรหาผู้ออกข้อสอบ เลือกระบบโครงสร้างซอฟต์แวร์  จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทดลองสอบเมื่อเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา

ใครเป็นผู้ออกข้อสอบ

ศิวัตร : ข้อสอบจะถูกออกโดย ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ ที่ได้รับเชิญมา  โดยผู้ที่ออกข้อสอบในแต่ละหมวดนั้นต้องมี 2-3 คน  ซึ่งเมื่อออกแล้วจะไม่สามารถทราบได้ว่าข้อสอบข้อนั้นจะได้เข้าไปอยู่ในระบบหรือไม่  เพราะออกเสร็จแล้วจะต้องผ่านการคัดกรองจากกรรมการกลั่นกรองข้อสอบอีกครั้งหนึ่ง

กระบวนการในการออกข้อสอบ

ศิวัตร : การออกข้อสอบจะถูกออกตามแนวทางเบื้องต้นของเนื้อหาที่สมาคมฯ ได้ให้ไป  โดยข้อสอบหมวดหนึ่งจะมีการออกมารวมกัน 40 ข้อ  จากนั้นทั้ง 40 ข้อ จะถูกส่งไปให้กรรมการกลั่นกรองข้อสอบ  ซึ่งจะไม่ทราบชื่อของผู้ออกข้อสอบที่มีมากกว่าหนึ่งคน  จากนั้นจะมีการคัดเลือกให้ข้อที่ผ่านใส่เข้าไปในระบบ

และกรรมการกลั่นกรองจะเห็นข้อที่ผ่านเฉพาะหมวดที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ตรวจเท่านั้น  ดังนั้นจึงไม่มีใครคนใดจะเห็นข้อสอบทั้งหมด  เพราะมีการใช้ผู้ออกข้อสอบจำนวนมาก  นอกจากนั้นในแต่ะหมวดยังมีการคละกันของข้อสอบที่ง่าย ปานกลาง และยาก ปะปนกันไป

ใบรับรองที่สอบมาจะอยู่ได้นานแค่ไหน

ศิวัตร : ใบรับรองจะมีอายุหลังจากการสอบเป็นเวลา 2 ปี  โดยออกมาในรูปแบบว่าผ่านการทดสอบด้วยคะแนนเท่าไร   ซึ่งเมื่อจะทำการสอบต้อง Log-in แบบมี User และ Password อยู่แล้ว  หลังจากนั้นเมื่อสอบเสร็จสามารถ Log-in เข้าไปดูคะแนนเก่าได้

หากมีการไปยื่นใบสมัครงานที่บริษัทโดยบอกว่าสามารถทำคะแนน DAAT Score ได้จำนวนนี้  ทางบริษัทก็สามารถขอข้อมูลกับทางสมาคมได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่  เพื่อป้องกันการทำใบรับรองคะแนนปลอม

ในอนาคตจะหากมีการสอบในนามของบริษัทไหน  ทางบริษัทำนั้นก็จะมีฐานข้อมูลในการตรวจสอบคะแนนของตนเองได้เช่นกัน  โดย Admin สามารถ Log-in เพื่อเข้าไปดูได้ว่าพนักงานแต่ละคนในบริษัทของตัวเองมีผลการทดสอบระดับใด

ในอนาคตสมาคมฯ จะมีการเปิดติวไหม

ศิวัตร : หากทางสมาคมจัดการอบรมก็คงจะทำได้ไม่ทันกับจำนวนผู้เข้าอบรม  และในตอนนี้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่สอนกันเป็นจำนวนมากแล้ว  แต่ปัญหาที่พบคือการไม่ทราบว่าเมื่อสอนแล้วเป็นอย่างไร  จึงมองว่าบทบาทที่ดีกว่าของสมาคมคือการ ‘วัดผล’ มากกว่า

มีการร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง

ศิวัตร : เพราะการได้คะแนนสูงๆ สำหรับสมาคมคือ “การได้คะแนนตามสิ่งที่วงการดิจิทัลไทยต้องการ” ซึ่งความสำคัญคือสมาคมฯ คืออาจจะเป็นบริษัทที่จ้างงานเด็กๆ ในอนาคต

หากมหาวิทยาลัยหนึ่งนำเด็กมาสอบแล้วได้คะแนนน้อยทางมหาวิทยาลัยก็ต้องทราบแล้วว่าสิ่งที่สอนอยู่นี้ไม่ตอบอยู่ในทิศทางของสมาคม  ซึ่งอาจจะไม่ได้สอนนั้นไม่ดีเพียงแต่ทิศทางไม่ตรงกัน  จึงเป็นสาเหตุที่ต้องคุยกับมหาวิทยาลัยให้มาเข้าร่วมการทดสอบ

ในปัจจุบันมีการคุยกับมหาวิทยาลัยที่สอบไปแล้วคือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. ส่วนที่กำลังจะเข้าร่วมการสอบในอนาคต  คือมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  และวางแผนที่จะให้หลายๆ มหาวิทยาลัยเข้าร่วมการทดสอยด้วย  โดยไม่มีการกำหนดคณะที่เรียนของนักศึกษาที่อยากเข้าร่วมการทดสอบ

ซึ่งอีกสิ่งที่สมาคมฯ สามารถช่วยเหลือได้หากทางมหาวิทยาลัยต้องการ  คือการให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบหลักสูตรให้ตอบรับกับวงการดิจิทัล

ข้อสอบจะมีการอัปเดตมากน้อยแค่ไหน

ศิวัตร : ข้อสอบจะมีการออกใหม่ในทุกๆ ไตรมาส  โดยเป็นระบบฐานข้อมูลข้อสอบที่ทุกๆ ไตรมาสที่มีข้อสอบใหม่เติมเข้าไปในระบบ  และมีการดึงข้อสอบที่หมดอายุออกจากระบบ (ข้อสอบที่ความรู้เดิมล้าสมัยไปแล้ว)  ซึ่งกรรมการกลั่นกรองจะเป็นผู้คอยคัดกรองเนื้อหาเหล่านี้ในหมวดที่ตัวเองรับผิดชอบ

หากเอเจนซี่อื่นๆ สนใจอยากมีส่วนร่วมในการออกข้อสอบ

ศิวัตร : หากมีเอเจนซี่ใดสนใจจะร่วมออกข้อสอบ  แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมก็สามารถเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกได้  เพราะสมาคมฯ ไม่ได้มีการปิดกั้น  โดยถ้าผ่านการเลือกตั้งเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกรรมการสมาคม  ซึ่งมีการเลือกตั้งทุกๆ 2 ปี  จากนั้นกรรมการสมาคมจะสรรหาว่าใครจะเป็นผู้ออกข้อสอบในส่วนถัดมา

นับเป็นอีกการสอบที่น่าสนใจ  เพราะถ้าในอนาคตเมื่อมีผุ้สอบจำนวนมาก  ก็จะเป็นฐานข้อมูลที่ทำให้เราเห็นค่าเฉลี่ยของทั้วงวงการ  ว่าสำหรับวงการดิจิทัลไทยมีเรื่องไหนที่คะแนนน้อย  และควรเสริมความรู้ในด้านนี้ให้กับคนทำงานกันเพิ่มเติมกันอีกบ้าง