ไม่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา KA ได้ปล่อยโฆษณาสินค้าตัวใหม่ที่มามาพร้อมกับการครีเอทสุดว้าว ที่สามารถฉีกกฏโฆษณาแบบเดิม โดยเลือกที่จะหยิบจับ Insight ของกลุ่มเป้าหมายที่พบได้ตาม Social พร้อม Key Message ที่ถูกปล่อยออกมาจนเรียกว่าถูกใจชาวเอเยนซี่กันอย่างท่วมท้น โฆษณาตัวนี้มีจุดว้าวยังไงไปดูกันค่า
ถ้าเข้าใจก็ได้ไปนั่งในใจ
KA ได้ปล่อยโฆษณาลิปสติกตัวใหม่ Message ว่า ลิปเปลี่ยนชีวิต โดยหยิบจับ Insight Live Video ตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ช่วงในช่วงมัธยม
โดยเนื้อเรื่องดำเนินโดย ชาตรี สาวน้อยน่ารักวัยมัธยมที่ Live อัพเดทสินค้าที่เพื่อนแนะนำมา ซึ่งนั่นก็คือลิป KA สินค้าใหม่นั่นเอง ถ้าทุกคนสังเกตบทในโฆษณา จะพบว่าแทบเป็นประโยคเดียวกับ Live ที่เจอในปัจจุบัน
แต่ปรับเป็นสินค้าตัวเองเท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือความขี้สงสัยของชาตรีว่า เอ๊ะ? ลิปแท่งสีขาวนี่นะ ปากชมพู ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักคิดเสมอเมื่อเปิดลิป KA ครั้งแรก
รวมถึงการบอกว่าถ้าทาซ้ำๆ ลิปจะเปลี่ยนเฉดด้วยนะ ส่วนนี้เหมือนการเข้าไปนั่งในใจคนดูว่า หากเจอเหตุการณ์นี้ คนดูจะมีคำถามอะไรในหัว
เรียกได้ว่าเป็นการปล่อย Key Message ได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจุดนี้เหมือนเป็นไม้ตายของครีเอทีฟแต่ละแบรนด์ว่าจะสร้างการจดจำให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ยังไงมากกว่าความสนุกที่ได้ดู
สร้าง Story ให้คนจำได้ เป็นการสร้าง Awareness ที่ดีที่สุด
Awareness คือสิ่งที่นักการตลาดและครีเอทีฟอยากได้มากที่สุด แต่การได้แบบมีคุณภาพคงเป็นเรื่องยาก เพราะถ้าอยากได้ยอดสูงๆ ก็แค่โปรย Money ลงไป
แต่การจะจดจำสินค้าและเข้าใจสินค้าได้จนเป็น awareness ที่มีคุณค่า นำมาซึ่งการซื้อสินค้าในภายหลัง คือสิ่งที่นักการตลาดควรโฟกัสมากที่สุด เพราะสุดท้ายเราต้องนับจากยอดขายและ Feedback ที่ถูกรีเทิร์นกลับมา
โดยในโฆษณาจะเป็นช็อตที่ชาตรีสงสัยว่าลิปมันจะมีเมจิกตรงไหน แล้วตัดภาพมาเป็นโลกของนางเอกและพระเอกที่มีชาตรีเป็นหญิงสาวแสนสวย พร้อมได้รับการจุมพิตจากพระเอก
เหมือน Message หลักว่าลิปได้เปลี่ยนชีวิตชาตรีไปแล้ว เป็นหมัดสุดท้ายที่แบรนด์ได้ย้ำให้คนดูอีกครั้งว่า Message ของเราคืออะไร โดดเด่นยังไง
คนไทยรับได้กับการขายของตรงๆ
คนไทยฉลาดในการรับสื่อโฆษณา ทุกคนเสพโฆษณากันจนกระอัก ทันทุกมุกที่ครีเอทีฟเคยเล่น ชินตากับกลยุทธ์ที่นักการตลาดสรรหามาใช้ ฉะนั้นไม่ต้องหลอกตาว่าไม่มาขายของ เพราะคนไทยรู้ได้แต่แรกแล้วว่าโอเคขายนะ
แต่ทำไงให้การที่เค้า “รู้แล้ว” แต่ก็ยัง “ดูต่อ” นี่สิ คือโจทย์ยาก ซึ่งโฆษณา KA มีเวลาประมาณ 2.30 ซึ่งนานกว่าเวลาดูคลิปปกติที่ได้ทำการสำรวจกันมาอีก
ฉะนั้นการขายอย่างมีศิลปะ เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร จะทำให้เข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพราะการโฆษณา ไม่ได้มีกฏตายตัวว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้ และเชื่อว่ายังมีการตลาดและครีเอทีฟอีกมากมายที่พร้อมจะเสิร์ฟงานโฆษณาที่มีคุณภาพและครีเอทในอนาคตอีกแน่นอน