Instagram ถือว่าเป็นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในไทยและระดับโลก ด้วยรูปแบบการแชร์ภาพและวิดีโอที่ทำผ่านโมบายล์ ซึ่งเปิดตัวมาได้ 5 ปีแล้ว และเมื่อ Facebook เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทาง Instagram และ TNS ร่วมมือกันทำการศึกษาผู้ใช้งานชาวไทยและเป็นการเปิดเผยครั้งแรก ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง
ข้อมูลทั่วไปในการใช้งาน Instagram ทั่วโลก
- ผู้ใช้งานปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านคน โดยเป็นคนนอกสหรัฐอเมริกา 75%
- จำนวนรูปที่มีการ Upload ขึ้นบน Instagram มีมากกว่า 80 ล้านรูปต่อวัน
- จำนวนการ Like เฉลี่ยอยู่ที่ 3,500 ล้านครั้งต่อวัน
- เวลาในการใช้งานเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 21 นาที
- เดือนกันยายน 2015 เริ่มเปิดให้ทำโฆษณาให้กับผู้ใช้งานทั่วไป
สำหรับข้อมูลของประเทศไทย
- ตัวเลขเมื่อไตรมาสที่ 2 มีจำนวนผู้ใช้งานที่เป็น Monthly Active Users 7.1 ล้านคน
- กรุงเทพมหานคร มี Active Users มากที่สุดใน SEA
- สยามพารากอน คือสถานที่ที่มีการ Check-in มากที่สุด
ข้อมูลด้านผู้ใช้งานของไทย
- ช่วงอายุที่มีผู้ใช้มากที่สุดคือ 18-24 ปี มีมากกว่า 47%
- เป็นผู้หญิงถึง 59%
- 84% ของผู้ใช้งานในไทย สำเร็จการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและมีรายได้สูงกว่าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 1.5 เท่า
พฤติกรรมการใช้งาน Instagram ของคนไทย
- จะเข้าไปเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ และคนหาความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งเปิดโลกใบใหม่ให้กับเขา ด้วยพฤติกรรมที่ชอบจะแตกต่างจากคนอื่น
- Nature, Place และ Travel จะเป็นหัวข้อที่ถูกแชร์มากที่สุดบน Instagram ส่วนวิดีโอจะยังคงอยู่บน Facebook อยู่
- ลักษณะในการแชร์ของคนไทยจะอยู่ในกลุ่มที่เป็น Lifestyle เสียเป็นส่วนใหญ่
- คนไทยมีส่วนร่วมกับการใช้งาน Instagram สูงมาก โดยใช้งาน Instagram ในการ Tag เพื่อนบน Comment และการใช้ Instagram ในการค้นหาอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ (ผ่านการใช้ Hashtag หรือดูภาพของเพื่อน)
ในแง่ของการใช้ Instagram กับธุรกิจ
- Branded Content ที่คนไทยสนใจจะต้องมี Creative, Relevant ตรงกับความสนใจ และ Visual ด้วยภาพ ที่จะต้องเป็น high quality หรือความละเอียดสูงเท่านั้น
- การสร้างแบรนด์บน Instagram จะเน้น
- การทำ Visual Storytelling
- Personal Relevance การทำให้ตรงกับความสนใจ
- Inspired Result สร้างแรงบันดาลใจ
- รูปแบบในการโฆษณาบน Instagram
- Photo ภาพนิ่ง
- Video รองรับ slideshow, 15 และ 30 วินาที
- Carousel ภาพเลื่อนได้สูงสุด 5 ภาพ โดย link จะอยู่ที่ภาพแรก
- การลงโฆษณาของ Instagram จะมีการทำ Direct Response (DR) การตอบสนองต่อสิ่งที่เห็นได้สองแบบคือ
- Website Click & Conversion เมื่อคลิกไปที่รูปภาพหรือปุ่มแล้ว ก็จะพาไปเว็บไซต์ที่กำหนดได้
- Mobile App Installs & Engagements เมื่อคลิกแล้วจะพาไปที่หน้า App Store เพื่อที่จะให้คนที่สนใจติดตั้งแอปบนมือถือ
- ข้อมูลในการติดตามแบรนด์ของคนไทยจากการทำวิจัย
- 85% ติดตามแบรนด์สินค้าอย่างน้อย 1 แบรนด์
- 65% มองว่าแบรนด์ต่างๆ จะต้องนำเสนอ Content ที่ Creative บน Instagram
- 60% จะตอบสนองกับแบรนด์เมื่อ Content มีความเกี่ยวข้อกับพวกเขา
- 56% ยินดีกับการนำเสนอโฆษณา ตราบใดที่รูปภาพและการนำเสนอมีความสร้างสรรค์และคุณภาพ
- 40% ของผู้ใช้ชอบโฆษณาที่เป็นวิดีโอสั้นที่มีคำบรรยาย (Subtitle) ด้วย
ในมุมมองของนักการตลาด
- สร้างแรงบันดาลใจผ่านการใช้ภาพหรือวิดีโอ มาเป็นเรื่องราวเพื่อล้อไปกับ strategy ที่เราคิดมา พร้อมกับรูปแบบในการนำเสนอที่แปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่ได้เห็น
- สร้าง Content โดยเน้น target group เป็นหลัก เพื่อให้เข้าใจ core target ว่าเขาต้องการอะไร ซึ่งจะต้องตอบและล้อไปกับ strategy ด้วย
- CTA Call-To-Action เพราะทุกอย่างต้องการขาย ดังนั้นการทำช่องทางให้ผู้ใช้งานเพื่อให้เข้าถึงจึงจำเป็นต้องทำ โดย 1 ใน 3 ของคนไทยจะคลิกปุ่มใต้รูปภาพเพื่อเข้าไปสู่เว็บไซต์โดยตรง
พร้อมกับมีการยก Case Study ที่มีการใช้งาน Instagram ร่วมกับ Facebook ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันมาให้ชม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้รูปที่ต่าง, รูปแบบการนำเสนอที่ไม่เหมือนกัน และใช้เหมือนกันทั้งคู่
นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับตัวแทนแบรนด์ซึ่งเป็นพันธมิตรรายแรกๆ ของ Instagram ในประเทศไทยในการลงโฆษณา ได้แก่ dtac และ Lazada ซึ่งทั้งสองแบรนด์ได้ขึ้นมาแชร์ประสบการณ์หลังจากที่ได้เริ่มลงโฆษณา ก็พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก, ได้ Reach เยอะ, ได้ Positive Feedback หลังจากการทำที่ดี, มี Conversion เกิดขึ้น และที่เน้นมากคือ เมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายแล้วถือว่าถูกมาก