กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ยี่ห้อ คือ มาม่า ไวไว และยำยำ สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นได้อีกไม่เกิน 1 บาท/ซอง หรือเท่ากับขายได้ไม่เกิน 7 บาท/ซอง
กรมการค้าภายในระบุว่า แม้จากการตรวจสอบข้อมูลต้นทุนจะพบว่า ต้นทุนของผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจริง และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะค่าแรง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับปิโตรเลียม เช่น พลาสติก ค่าขนส่ง สอดคล้องกับที่ผู้ประกอบการได้ยืนขอปรับขึ้นราคา 2 บาท/ซอง
แต่เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคมากเกินไป กรมจึงตัดสินใจให้ปรับขึ้นราคาเพียงไม่เกิน 1 บาท/ซองเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป ครอมคลุมเฉพาะสินค้าเดิมที่ราคา 6 บาท/ซองเท่านั้น
พร้อมกันนี้วางเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย คือ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (มาม่า) โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย (ไวไว) วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร (ยำยำ) ต้องปรับราคาลง หากราคาต้นทุนลดลงแล้ว
โดยให้ทั้ง 3 รายรายงานราคาต้นทุนทุกเดือน หากกรมเห็นสมควรจะมีคำสั่งให้ปรับลดราคา หากไม่ปฏิบัติตาม จะถือว่าเป็นการขายสินค้าเกินราคา ตามมาตรา 26 และ 29 ซึ่งทั้ง 3 รายรับทราบและยินดีปฏิบัติตาม ส่วนยี่ห้อนิชชินและซื้อสัตย์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอและเอกสารข้อมูลประกอบ
ในขณะที่นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บริษัท ไทย เพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แม้จะไม่ได้ขึ้นราคา 2 บาทตามที่ขอ แต่เข้าใจว่ากรมต้องดูแลประชาชนด้วย ดังนั้นผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ แต่หากราคาวัตถุดิบยังขึ้นต่อไปอีก จะต้องยื่นขอปรับราคาอีกครั้ง
“เดิมการขายในประเทศไทยมีสัดส่วนกำไรเหลือเพียง 0.3% เท่านั้น หรือ 100 บาทมีกำไรเพียง 30 สตางค์”
พร้อมยืนยันว่า การขึ้นราคานี้ผู้บริโภคจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเมื่อมีช่องว่างให้สามารถทำกำไรได้ ตลาดจะมีการแข่งขันทำโปรโมชั่นมากขึ้น เช่น การขายแพ็ก 10 ซองราคาพิเศษ ที่จะทำให้ราคายังต่ำกว่าซองละ 7 บาท
สอดคล้องกับความเห็นของนายวีระ นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ที่ระบุว่า การขึ้นราคานี้ทำให้พอหายใจได้บ้าง หลังขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี และย้ำว่า สินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้างโมเดิร์นเทรดมีการจัดโปรโมชั่นอยู่ตลอด แทบไม่มีการขายราคาเต็ม
ที่มา