จากกรณีผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้ง 5 ราย คือ มาม่า ไวไว ยำยำ นิชชิน และซื่อสัตย์ ได้รวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี เพื่อลงนามในหนังสือขอให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เร่งการพิจารณาคำขอปรับขึ้นราคา 2 บาท เป็น 8 บาท
เนื่องจากผู้ผลิตทุกรายเสี่ยงขาดทุนจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในลักษณะปรับฐานในระยะยาว แตกต่างจากในอดีตที่ราคาพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราว
วันนี้ (16 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเคยปรับราคา 1 ครั้ง จากซองละ 5 บาท เป็นซองละ 6 บาท เมื่อปี 2551 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งล่าสุดที่ขอปรับราคา คือเมื่อสองปีที่แล้ว แต่กรมการค้าภายในยังไม่อนุญาต เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบภาระของผู้บริโภค
“ตอนนี้ถ้าจะต้องปรับลดให้เป็นไปตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริง ก็จะต้องปรับราคาขึ้น ก็ให้เป็นไปตามต้นทุนที่สูงขึ้นจริงและให้เดือดร้อนกับผู้บริโภคให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ด้วย ไม่ต้องประสบกับภาวะขาดทุนและหยุดการผลิต และไปส่งออกอย่างเดียว เพราะราคาต่างประเทศดีกว่า เพื่อให้มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบริโภคต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลักการยังต้องให้กรมการค้าภายในพิจารณาอีก 1 ข้อ คือ กรณีขึ้นราคาตามต้นทุน หากต้นทุนปรับลดลงมาก็ต้องปรับลดราคาลงมาด้วย โดยกรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ต้นทุนอย่างใกล้ชิด
ที่มา