Site icon Thumbsup

ฟังความอีกด้านก่อนตื่นตระหนก “เรายังมี AI น้อยเกินกว่าจะมาแย่งงานมนุษย์”

pexels-photo-177598-large-1
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวให้มุมมองอีกด้านผ่านเวที Nvidia GPU Technology Conference ในวอชิงตัน ดี.ซี หลังมีผู้เชี่ยวชาญในโลกเทคโนโลยีออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ โดยเฉพาะประเด็นด้านการจ้างงานที่มีการคาดการณ์ว่า AI กับหุ่นยนต์อาจทดแทนการจ้างงานมนุษย์ได้มากกว่าครึ่งภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนตกงานในที่สุด


ทั้งนี้ Jason Furman ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการค้าของทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาคาดการณ์ว่า AI อาจเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเสียมากกว่า และถึงแม้จะมีงานบางส่วนที่ถูก AI ทำแทนไป แต่มันก็สามารถสร้างงานใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้มากกว่าที่คาด

โดยในปัจจุบัน AI มีบทบาทสำคัญอย่างมากในวงการการแพทย์ สุขภาพ การบริโภค ไปจนถึงการใช้ AI เพื่อการสืบสวนคดีอาชญากรรม

นอกจากนี้ เขายังชี้ด้วยว่า ปัญหาความหวาดกลัวว่า AI และหุ่นยนต์นั้นได้เกิดขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว (มีแนวคิดเกี่ยวกับการเข้ามาแทนที่มนุษย์ของหุ่นยนต์ตั้งแต่ยุค 1930) แต่ที่ผ่านมา AI กับหุ่นยนต์มีแต่จะทำให้มนุษย์ร่ำรวยขึ้นผ่านบริการและสินค้าใหม่ๆ เสียมากกว่า

ทั้งนี้ สถานการณ์การพัฒนา AI ในมุมมองของคนสำคัญด้านเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามองว่า AI ในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการถูกเทรนในเรื่องเฉพาะทางเป็นส่วนใหญ่ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ AI ในตอนนี้ไม่ใช่คู่แข่งด้านการทำงานสำหรับมนุษย์ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ Furman มองเห็นก็คือ AI ในทุกวันนี้ยังมีน้อยเกินไปด้วย ดังนั้น ก่อนที่จะมานั่งวิตกเรื่องการถูก AI แย่งงานทำ Furman มองว่า รัฐบาลควรให้การสนับสนุนเงินวิจัยด้าน AI ให้มากกว่านี้ รวมถึงภาคการศึกษาที่ต้องเร่งพัฒนาคนขึ้นมาตอบสนองความต้องการโปรแกรมเมอร์เพื่อจัดการกับ AI ด้วยนั่นเอง

โดยเขาได้ยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีการทุ่มงบพัฒนาให้กับเทคโนโลยีดังกล่าวปีละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับภาคเอกชนแล้วถือว่าน้อยนิด เพราะภาคเอกชนนั้นทุ่มงบสูงประมาณ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยนั่นเอง

สำหรับนักการตลาดและประชาสัมพันธ์ในบ้านเราอาจจะยังมองว่าเรื่อง AI เป็นสิ่งที่ห่างไกลตัว แต่เอาจริงๆ เริ่มไม่ไกลแล้ว เพราะคนไทยเราก็เริ่มเป็นเจ้าของหุ่นยนต์และส่งออกต่างประเทศแล้ว อย่าง “หุ่นยนต์ดินสอ” ที่สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุ

ลองนึกดูว่าสมัยก่อนเรามองว่า E-Book แบบ Kindle คงไม่กระทบยอดหนังสือ ตอนนี้ยอดหนังสือภาษาอังกฤษก็กระทบแล้ว อย่าประมาทดีกว่า

ที่มา: The Stack