Apple ได้เปิดให้ผู้ใช้ iDevice ในออสเตรเลียใช้งาน iTunes Radio เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Apple ได้ทำการเปิดให้บริการ iTunes Radio ในประเทศอื่นที่นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
โดยย้อนไปก่อนนี้ ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2013 ที่ผ่านมา ได้มีข่าวลือเรื่อง Apple เตรียมเปิดตัวให้บริการ iTunes Radio ในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 2014 อันได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร และ นิวซีแลนด์ ซึ่งหมายความว่าในช่วงต้นปีนี้ Apple อาจให้บริการ iTunes Radio ในประเทศอื่นๆ อีกเช่นกัน นอกจาก 3 ประเทศข้างต้นแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่คาดว่า Apple จะเปิดให้บริการ iTunes Radio เช่นกัน ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก, นอร์เวย์ และสวีเดน
iTunes Radio บริการที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ iDevice หรือใครก็ตามที่ใช้ Mac หรือ PC สร้างสถานีวิทยุของตัวเองได้ ตามข้อมูลของเพลงได้แก่ ศิลปินหรือแนวเพลง ถือเป็นการตอบรับกระแสความนิยมของผู้ใช้ที่นิยมใช้งาน Spotify, Pandora และ Rdio ขณะที่ Pandora เปิดให้บริการแค่ 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ แต่ Rdio และ Spotify นั้นได้เปิดให้ผู้ใช้จาก 50 ประเทศทั่วโลกใช้งานแล้ว
แต่ Apple อาจมีข้อได้เปรียบในการขยายฐานผู้ใช้มากกว่า Pandora เนื่องจาก Apple นั้นได้จับมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Universal Music Group แล้ว ซึ่งอาจทำให้ฐานผู้ใช้งาน Pandora ได้รับผลกระทบในอนาคตอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ iTunes Radio ยังมีจุดเด่นที่บริการดังกล่าวน้้นจะเพิ่มเพลงใหม่เป็นพันๆ เพลงทุกสัปดาห์ และจะมีเพลงพิเศษแบบ exclusive จากศิลปินชื่อดัง ที่ผู้ใช้จะไม่สามารถหา หรือไม่เคยได้ฟังจากที่ใดมาก่อนอย่างแน่นอนมาไว้บน iTunes Radio อีกด้วย
ซึ่ง Apple ได้รายงานว่าหลังเปิดตัว iTunes Radio ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน มีผู้ใช้เข้ามาทดลองใช้งานบริการดังกล่าวถึง 11 ล้านคนใน 5 วันแรกของการเปิดให้บริการ แม้ทาง Apple จะไม่ได้ทำการเก็บข้อมูลจำนวนผู้ใช้งาน iTunes Radio อย่างจริงจัง แต่จากข้อมูลบน iTunes Store เผยว่ามีผู้ใช้งานบริการดังกล่าวมากถึง 500 ล้านคนแล้ว และมีแนวโน้มจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีกมากหลังเปิดให้บริการในประเทศอื่นๆ
โดย Eddy Cue หนึ่งให้ผู้บริหารของ Apple ได้เผยหลังเปิดตัว iTunes Radio ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีก่อนว่าพวกเขาต้องการขยายฐานผู้ใช้งาน iTunes Radio ให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แม้ Apple จะเพิ่งเปืดตัวที่ประเทศออสเตรเลียเป็นที่แรก แต่แค่นี้ก็สามารถสร้างผลกระทบที่คู่แข่งรายอื่นๆ ต้องจับตามองแล้ว
ที่มา : Digital Trends