JD.com Inc นั้นเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของจีน ล่าสุดซีอีโอผู้ก่อตั้ง JD.com ให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่อย่าง Reuters ว่าจะลงทุนในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ เบื้องต้นยังไม่เปิดเผยแผนแต่ยอมรับว่าจะเป็นเม็ดเงินที่น้อยกว่างบลงทุนในอินโดนีเซีย
ผู้เปิดเผยแผนนี้ของ JD.com คือ Richard Liu ซีอีโอผู้ก่อตั้ง JD.com Inc ที่ระบุว่า JD.com จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการให้บริการประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งเวียดนามและมาเลเซีย โดยไม่เพียงเทเงินลงทุนจำนวนมาก แต่บริษัทจะมองหาพันธมิตรธุรกิจที่ดีที่สุดด้วย
แน่นอนว่าพันธมิตรของ JD.com ไม่มีทางเป็น Lazada เพราะ Alibaba ควักเงินซื้อกิจการ Lazada ไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 โดยซีอีโอ JD.com เชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถแข่งขันกับ Alibaba ได้แน่นอนในตลาดอาเซียน
“เมื่อครั้งบริษัทเข้าสู่วงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซเมื่อ 12 ปีที่แล้ว Alibaba เป็นเจ้าพ่อผู้ให้บริการรายใหญ่ในขณะนั้น แต่ JD.com ก็ยังสามารถยืดหยัดให้บริการได้ดี” โดยบอกว่าหาก JD.com ไม่ได้ดำเนินกลยุทธ์ผิดพลาดระดับร้ายแรง ก็เชื่อว่าไม่มีคู่แข่งรายใดทำให้ JD.com ได้รับผลกระทบจริงจัง
การขยายธุรกิจสู่อาเซียนของ JD.com เกิดขึ้นหลังจากบริษัทพยายามขยายธุรกิจไปจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่นกลุ่มสินค้าสำหรับครัวเรือน อาหาร และเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังให้บริการด้านฐานข้อมูล คลาวด์ และบริการปัญญาประดิษฐ์ ตามรอยทั้ง Amazon และ Alibaba
เหตุที่ JD.com จะลงทุนในประเทศไทยน้อยกว่าอินโดนีเซีย เป็นเพราะ JD.com เน้นการสร้างเครือข่ายจัดส่งสินค้าในแดนอิเหนา เนื่องจากอินโดนีเซียถือเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับ JD.com เมื่อเทียบกับตลาดนอกประเทศจีน
ที่ผ่านมา JD.com ระบุว่าสามารถทำกำไรสุทธิ 355.7 ล้านหยวนหรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท ขณะที่รายรับรวมเพิ่มขึ้น 41% เป็น 7.62 หมื่นล้านหยวน หรือราว 3.8 แสนล้านบาท สถิติผู้ใช้รวมคือ 237 ราย
ที่มา: Reuters