ภาพจากนิตยสาร Positioning ภายใต้ Creative Commons
ถ้าเอ่ยถึงเรื่องความสวยความงาม สาวๆ หลายคนคงนึกถึงเว็บไซต์ Jeban.com (อ่าน “จีบัน”) ชุมชนออนไลน์ที่ริเริ่มโดย “จีน – จีราภัสร์ อริยบุรุษ” ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากที่เธอนึกสนุกกับการเข้าไปสาธิตการแต่งหน้าลงบนเว็บบอร์ด Pantip.com จนได้รับความนิยมจากมหาชนคน Pantip จนเริ่มมีเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางเริ่มส่งของมาให้เธอทดลอง มีสื่อมวลชนนำเรื่องของเธอไปบอกต่อ เธอเริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงเปลี่ยนจากการเขียนบล็อกมาเป็นการสร้างชุมชนออนไลน์ของตัวเอง ที่ปัจจุบันมีคนดูมากกว่าวันละ 60,000 Unique IP จัดอีเวนท์ก็มีคนนับพันคนไปร่วมงานจนแน่นขนัด จนกระทั่งวันนี้เธอมีหนังสือของตัวเองตีพิมพ์ออกมา…
เวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 4 ของ Jeban.comแล้ว วันนี้ “จีน” ควงคู่ “หนุ่ม” คู่หูผู้ก่อตั้ง และคู่ชีวิต มาให้สัมภาษณ์กับ thumbsup เจาะลึกถึงแก่นประเด็นธุรกิจดิจิตอล และเคล็ดลับความสำเร็จในการสร้างชุมชนออนไลน์ในแบบ “Jeban”
thumbsup: เข้าประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนนี้สถานะทางธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
jeban: เป็นไปได้ด้วยดี เราเปิดมาปีที่สี่ เรายังเป็น SME ที่มีขนาดเล็ก แถมได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วย
thumbsup: ในเรื่องความนิยมจากผู้ใช้ในโลกออนไลน์เราไม่สงสัยคุณเลย 60,000 Unique IP ถ้าคูณ 3 ด้วยสูตรทั่วไป เท่ากับมีผู้ใช้วันหนึ่งประมาณ 180,000 คนต่อวัน แต่กระแสที่เรารู้มาจากคู่ค้าส่วนใหญ่ของคุณ (แบรนด์และเอเยนซี่) มักจะบอกว่าทำไม “Jeban” ทำงานด้วยยาก บางอย่างทำได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้?
jeban: ส่วนใหญ่เวลาลูกค้ามีแคมเปญมา เราก็จะเอามาประชุมในทีมก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำไม่ได้ก็คือ เรารู้ว่าเมมเบอร์เราไม่เอาแน่นอน เราก็จะไม่แนะนำให้ทำ เพราะใน Jeban เองทีมงานจะทำงานเหมือนกับว่าเราเป็นเมมเบอร์เอง เราจะคอยสุ่มถามเมมเบอร์อยู่เรื่อยๆ ว่าถ้ามีกิจกรรมแบบนี้เอาไหม ทำให้เรารู้ว่าแคมเปญแบบไหนที่มันจะรุ่ง หรือมันจะแป้ก ที่จริงแล้วเราก็อยากเป็นสื่อที่ช่วยให้แคมเปญของลูกค้าประสบความสำเร็จ เราก็จะไกด์ไปเลยว่าอันนี้เหมาะ แต่บางทีเอเยนซี่อาจจะมองว่าไอเดียที่มีมาอันนี้ดีแล้ว แล้วพอเราไกด์ไปแล้วก็อาจจะถามว่าทำไม เราหยิ่งเหรอ ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้นมันมีเหตุผลของมัน
thumbsup: คุณถูกหาว่า “หยิ่ง”?
jeban: โอ้ยบ่อย มันไม่ใช่ว่าเราหยิ่งหรอก ก็บางแคมเปญมาในรูปแบบที่ซ้ำเดิมกับเดือนที่แล้ว เราก็บอกลูกค้าไปว่าแบรนด์อื่นทำซ้ำไปแล้ว คุณจะทำอีกเหรอคะ บางทีมาเสนอให้เราทำรีวิว จ่ายเงินให้เขียนเป็น advertorial เราก็บอกว่าไม่ได้ เขาก็บอกว่าทำไมล่ะ คนอื่นรับทำตั้งเยอะ ทำไม Jeban ไม่ทำ แต่หลังๆ เอเยนซี่ก็เข้าใจเราเยอะขึ้นน่ะคะ หลังจากที่ได้เจอเราบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเพราะมันยังใหม่ และด้วยโมเดลของ Online community มันยังนึกกันไม่ออกว่าจะทำอะไรบ้าง ก็เลยเป็นซื้อแบนเนอร์กับทำรีวิว ซึ่งจริงๆ มันแตกไปได้อีกเยอะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสร้างมันออกมาอย่างไรมากกว่า
thumbsup: แล้วนอกจากแบนเนอร์ รีวิว แล้วมีอะไรอีกบ้าง?
jeban: ก็มีกิจกรรมออนไลน์อื่นๆ ที่สามารถดึงคนออนไลน์ไปออฟไลน์ได้ หรือว่ามีการทำงานร่วมกับ Community แบบไหนได้บ้าง หรือแทนที่จะมีแค่แบนเนอร์ก็ลองมาสปอนเซอร์ในเซคชั่นหนึ่งไปเลย
thumbsup: แบบลงสปอนเซอร์ทั้งเซคชั่นนี่จ่ายเจ็บแน่ๆ
jeban: แพง แต่อิมแพคก็ตามที่จ่าย เพราะถ้าเทียบแล้วอินเทอร์เน็ตเป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวของงบมีเดียทั้งหมดนะ
thumbsup: คุณประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ เพราะจับ “Niche” ที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้ Niche นี้ก็คืออุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ในแง่ของงบประมาณสื่อออนไลน์ ทราบไหมว่างบประมาณที่แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ จะเอามาลงนั้นโดยรวมเท่าไหร่
jeban: ไม่ทราบเลย โดยรวม Jeban ทำเกี่ยวกับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผู้หญิงมันมีเยอะมาก มีตั้งแต่เครื่องสำอางซึ่งเป็นหลักของเว็บ มีตั้งแต่เครื่องสำอางเล็ก ใหญ่ OEM เราไม่รู้จริงๆ ว่าแต่ละเจ้าที่ใช้เงินกันเท่าไหร่ นี่ยังไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวกับผู้หญิงอีก อย่างที่เคยมาลงใน Jeban ก็จะมีสีทาบ้าน ล้อรถ ยางรถยนต์ วิธีการเล่าเรื่องเขาก็ใช้มุกน่ารักๆ เช่น สีทาบ้านที่ (คุณแม่บ้าน) ล้างออกง่าย ยางรถยนต์ที่เบรคง่าย คุณผู้หญิงไม่ต้องเหยียบเบรคเยอะให้เปลืองแรง คือแล้วแต่จะสร้างแคมเปญออกมาอย่างไร
thumbsup: รีวิวสินค้านี่คือคุณไม่รับเลย เป็นเพราะมันไม่ดีกับ Community?
jeban: เรามี Official review แต่ตรงนั้นเราไม่ได้รับเงิน แต่สิ่งที่เราถือว่าเป็นการ “คืน” ให้กับทางแบรนด์เองคือ เราจะมีรายชื่อของเราเลยว่าเราจะพูดถึงแบรนด์ไหนบ้างในรีวิวของเรา แล้วเราก็จะส่งออกไปให้ทุกแบรนด์กับเอเยนซี่รับรู้ว่า ถ้าคุณมีผลิตภัณฑ์อะไรในมือที่เข้ากันกับหัวข้อของเรา ก็ส่งมาให้เราได้ เราจะหาคนทำให้ ซึ่งเราพยายามที่จะให้ Community เข้ามามีส่วนในการทำตรงนี้มากขึ้น ไม่ใช่ว่าทีม Jeban จะทำตรงนี้ทั้งหมด ตรงนี้ต้องมีเมมเบอร์ด้วยไม่งั้นมันจะกลายเป็นโฆษณาไป
thumbsup: รีวิวอย่างเป็นทางการมันก็ต้องมีการระบุชื่อแบรนด์อยู่แล้ว แล้วมันจะไม่กลายเป็นโฆษณาไปหรือ?
jeban: มีการระบุชื่อแบรนด์อยู่แล้ว แต่เราจะไม่บอกในแง่คุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราจะขอ fact sheet มาจากแบรนด์เลยเพื่อนำ fact มาประกอบในการรีวิว
thumbsup: Jeban วางตัวชัดว่าเป็น Online media ที่เน้น Community คุณมีเคล็ดลับอะไรในการทำ Community ให้ประสบความสำเร็จ?
jeban: “ต้องรักเมมเบอร์” เราไม่ใช่แสดงความรักเมมเบอร์ด้วยการสร้างภาพว่าฉันรักเธอ แต่เราต้องดูแลเขา เพราะพูดตรงๆ เลยว่าถ้าเราไม่มีเมมเบอร์เราก็ไม่มีวันนี้ ถ้าเกิดเมมเบอร์ไม่เข้ามา แบรนด์ก็ไม่เข้ามา ฉะนั้นก่อนที่เราจะไปรักแบรนด์ เพราะแบรนด์ให้เงินเราที่เป็นสปอนเซอร์ ถ้าเราไม่รักเมมเบอร์ตรงนี้ แบรนด์จะเข้ามาหาเราไหม เพราะฉะนั้นเว็บไซต์บางแห่งเอาใจสปอนเซอร์แทนที่จะเอาใจคนที่อยู่ตรงนั้นกับคุณทุกวัน
ตรงนั้นแหละที่คนจะรู้สึกว่า “ฉันเป็นตัวอะไรของเธอ?” ยิ่งผู้หญิงจะน้อยใจง่าย แคมเปญอะไรเข้ามาเราก็ต้องมองว่าเมมเบอร์เรา “ยี้” หรือเปล่า ถ้ายี้เราก็ไม่เอา ตรงนี้ทำให้เอเยนซี่บางแห่งมองว่าเราหยิ่ง เพราะเราเคยปฎิเสธบางแคมเปญเลยว่าเราไม่ทำมาแล้ว ยอมรับว่าบางครั้งก็เสียดายนะ แต่บางแคมเปญอยากให้เมมเบอร์เราไปแต่งตัว ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้มากเกินไป มัน “เยอะ” ไป เราก็จะไม่ทำ คือบางทีเรารู้สึกว่า ถ้าคุณมีเงินเยอะขนาดนี้คุณจ้างเขาเลยดีไหม ทำไมไม่จ้าง เพราะเอเยนซี่และแบรนด์มองว่าอินเทอร์เน็ตเป็นมีเดียที่ถูก ซึ่งถ้าคุณจ้างคนไปเล่นโฆษณา คุณต้องจ่ายเงินเขาไหม แต่ทำไมคุณจ้างคนมาเล่นกิจกรรมเพื่อเอาไปทำพีอาร์ต่อ ทำไมคุณไม่จ่ายเงินเขาล่ะ คือทาง Jeban จะป้องกันให้เมมเบอร์ตรงนี้เป็นส่วนใหญ่
thumbsup: แล้วส่วนตัวนี้เราเคยไปเจอเมมเบอร์กันไหม ไปเจอะเจอว่าใครเป็นใคร?
jeban: ก็เดินๆ เจอกันตามงาน แวะเอาขนมมาให้ที่ออฟฟิศ บางคนเคยมา “ฮาเร็ม” (Private party ของ Jeban) ที่เราจะทำเป็นโจทย์แข่งขันใครจะได้มาฮาเร็ม ครั้งหนึ่งประมาณ 5-10 คน อย่างคราวที่แล้วเราให้ทำเสื้อ DIY ทำการ์ดวาเลนไทน์ ใครชนะก็มาคุยกัน ทำให้เราใกล้ชิดกับเมมเบอร์จริงๆ
thumbsup: พูดได้ไหมว่าส่วนหนึ่งความสำเร็จของเราจริงๆ คือ “ฮาเร็ม”?
jeban: ก็ด้วย น่าจะใช่ เราจะมีอีเวนท์แบบปีละครั้งด้วย แบบนั้นจะมีประมาณ 100 คน เราเรียกว่า “Jeban the Project” ทุกๆ ปีธีมก็จะเปลี่ยนไป ปีที่แล้วไปเซ็นทรัลเวิร์ล อีกปีก็ไปแรลลี่พัทยา แล้วปีที่ผ่านมาเราก็ wrap รถบัส Jeban เป็นม้าลายเสือดาว เล่นกีฬาสีกันที่เขาใหญ่
thumbsup: ถ้าอย่างนั้นงานของ Jeban ส่วนหนึ่งคือดูแลสมาชิกออนไลน์ อีกส่วนหนึ่งมาเจอกันออฟไลน์?
jeban: ใช่ แต่การมาเจอ เราเจอได้ไม่หมด เราก็เลยต้องมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก เราทำแม้กระทั่งว่า สร้างเควสชั่นแนร์ หรือถามกันในเว็บออกมาเลยว่า แบรนด์นี้ๆ จะมาสปอนเซอร์เรา เราก็ถามสมาชิกเลยว่าอยากเล่นอะไรกัน ถามบ่อยด้วย เสร็จแล้วก็เอาไปให้แบรนด์ดูก่อนว่าเราจะเขียนแบบนี้นะ ทีนี้พอเขาได้ไอเดีย เราก็จะบอกแบรนด์เลยว่าหาของรางวัลให้เขาด้วย เหมือนกับว่าเหมือนประกวดไอเดียในการทำแคมเปญ ดังนั้นอะไรเราคิดไม่ออกก็ให้เมมเบอร์มีส่วนร่วม
thumbsup: Jeban มีความคล้ายกับ GLAM Media ที่อเมริกา คือเป็น Vertical Media ขยายออกไปเรื่อยๆ มีแนวคิดทำเว็บใหม่อะไรแบบนั้นบ้างไหม เช่น เป็นเว็บไซต์ผู้หญิงอยู่แล้ว และก็ทำเว็บไซต์ใหม่ที่เน้นเรื่องการตั้งครรภ์ ดูแลเด็ก
jeban: เคยคิด แต่ไม่สามารถทำได้สักที เพราะสิ่งที่ต้องทำมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเรามีคนเยอะขึ้น พอเรามาสำรวจว่าเราควรทำอะไรบ้างใน Jeban ก็พบว่ามันมีสิ่งที่ต้องทำเยอะขึ้นเรื่อยๆ ณ วันนี้ก็ยังหนีจาก Jeban ไม่ได้สักที และเราก็รู้สึกสนุกกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ
thumbsup: ย้อนกลับมาที่ฮาเร็ม เท่าที่คุยกับคนอื่นมา ไม่มีใครทำลึกอะไรขนาดนี้ “ฮาเร็ม” ซึ่งเป็นการพบกับเมมเบอร์แบบออฟไลน์นี้ต้องทำอะไรกันบ้าง?
jeban: กิน เมาท์ ถ่ายรูปเป็นหลัก แค่นั้นจริงๆ ผู้หญิงไม่ต้องอะไรมาก มูฟกันไปเรื่อยๆ หาร้านใหม่ๆ เราเลี้ยงเมมเบอร์เพราะเขาอุตส่าห์มาหาเราแล้ว อย่างช่วงวันแม่ก็จะเป็นฮาเร็มแม่และเด็ก ขอคนที่มีลูกแล้วหรือกำลังท้อง โทรสัมภาษณ์กันเบื้องต้น สมมุติประกาศหาคนมาร่วมฮาเร็มไปครั้งหนึ่ง มีคนสมัครมา 40 กว่าคน เราก็ต้องคัดเพื่อให้มาแค่ 5 คน คนไหนเล่นเว็บตอบกระทู้ตั้งกระทู้กับเรามาต่อเนื่องก็คัดกันมา
thumbsup: ท่าทางกิจกรรม “ฮาเร็ม” นี่จะมีความเป็นผู้หญิงสูงแล้วอย่าง “หนุ่ม” ล่ะบทบาทใน Jeban ทำอะไร คุณรู้สึกอึดอัดหรือแตกต่างแปลกแยกไหม?
จีน: เลี้ยงลูก (หัวเราะ)
หนุ่ม: ผมจะไม่เข้าไปตรงฮาเร็มเลยครับ จีนกับน้องๆ ที่ดูแล Community จะไปกันเอง เมื่อก่อนผมจะดูเรื่องเงิน เรื่องการออกไปพบลูกค้า พบเอเยนซี่ แต่ตอนนี้มีทีมขายเรียบร้อย คือเราตัดให้ทีมขายตัดสินใจเองเลย ให้เขารู้สึกว่ามีความเป็นเจ้าของอยู่ตรงนั้น ตัดสินใจได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ แล้วแต่เขาเลย ผมมองว่าอย่างผมน่ะก็จะมีจุดยืนชัดเจนว่าทำอะไร เมมเบอร์คนอื่นไม่ได้มาเห็น ผมไม่ได้รู้สึกว่าไปรบกวน Community ผมสนุกด้วยซ้ำที่ว่ามันเป็นไปอย่างไร มันเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นไหม
จีน:?หนุ่มเหมือนหางเสือ มองห่างๆ ว่าที่เราเล่นกันอย่างนี้เป็นอย่างไร คือแบ่งงานกันชัดเจนว่า จีนทำ Community ออกแบบ วางระบบหลังบ้าน หนุ่มก็จะดูเรื่องเซลส์ เรื่องเงิน การตลาด มีเดีย จะได้ไม่ขัดแย้งกันเวลาคิดงาน อย่างเอเยนซี่ลูกค้ามีคำถามกับจีน จีนก็จะบอกให้ไปถามหนุ่ม คือจีนดูเรื่อง Content & Community เป็นหลักก็ทำไปเลย หนุ่มเป็นฝ่ายหาเงินก็หาเงินมาให้ฉันใช้ คือทีมงาน Community ไม่ต้องมาคำนึงตรงนี้ พวกกำไรขาดทุนหนุ่มจะเป็นคนจัดการ คือจะดูแลทีมเซลส์ไปเลย”
thumbsup: บริษัททูมังกี้ส์ สตูดิโอ (ลิงสองตัว) ที่ดูแลเว็บไซต์ Jeban.com ทำเว็บไซต์นี้อย่างเดียว?
jeban: ปีหน้าจะมีอะไรใหม่ๆ แต่ยังบอกไม่ได้ แต่มันจะยังอยู่ใน Jeban เป็น feature ในเว็บ ปีนี้จะเปลี่ยนเยอะหน่อย อันไหนที่เคยทำมาแล้วแป้กก็ตัดทิ้ง อันไหนดีก็ทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป อย่างระบบ Search ตอนออกมาปีแรกก็ดีอยู่ แต่ตอนหลังกระทู้เยอะขึ้นมันก็เลยไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ มันเป็นเสิร์ชที่เราทำกันขึ้นมาเอง เช่น จะไปออกงานที่มีธีมสีอย่างนี้ จะต้องเสิร์ชไปเจอกระทู้ที่แนะนำว่าจะแต่งหน้าอย่างไรแบบไหนไหน แต่ท้ายสุดสาวๆ เขาหาข้อมูลเหล่านี้กันเป็นเอง
thumbsup: เมมเบอร์คุณเคยบอกไหมว่าชอบ Jeban ตรงไหน?
jeban: เขาบอกว่าเข้ามาแล้วเหมือนอยู่บ้าน เราดูแลเขา เราลงไปเล่นกับเขาด้วย อันนี้เป็นจุดที่คนบอกเยอะ เว็บไซต์อื่นๆ ที่เว็บผู้หญิง เว็บบอร์ด ซึ่งคนดูแลเว็บบอร์ดก็คือแอดมิน แล้ว “แอดมิน” ที่ว่านี่เป็นใครก็ไม่รู้ ไม่มีตัวตน คนที่เข้าไปเล่นแต่ละคนก็สร้างฐานอำนาจของฉันเอง เป็นกลุ่มมาเฟีย (กลุ่มคนออนไลน์ที่ใช้บริการอยู่มาก่อนทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของชุมชน จนคนกลุ่มใหม่เรียกว่า “มาเฟีย” – thumbsup)
แต่ Jeban จะเป็นแบบเรามีเว็บบอร์ด แต่เว็บบอร์ดไม่ใช่ทุกอย่างของเรา ถ้าคุณไม่ถนัดตั้งกระทู้ ตอบกระทู้ คุณก็ทำอย่างอื่นได้ เพราะฉะนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าฉันมีห้องที่จะซุกอยู่ ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บบอร์ดแล้วจะกลายเป็นคนดัง ฉันชอบแต่งตัว ฉันแค่ถ่ายรูปเอาไปแปะเป็น Beauty Check แค่นี้ก็มีแฟนคลับติดตามแล้ว แค่นี้แบรนด์เครื่องสำอางระดับ High-end แห่งหนึ่งก็เชิญไปทานข้าวกันมาแล้ว แบรนด์เคยชวนเมมเบอร์ของเราไปคุยเพราะชอบรสนิยมของเมมเบอร์
หลังจากที่พูดคุยถึงแง่การดำเนินงานแล้ว เราก็ได้แปรประเด็นมาสู่เรื่องของสิ่งที่ทั้งสองคน “ได้” และ? “เสีย” ไปจากการทำ Jeban
thumbsup: เขียนบล็อกมาปีกว่าๆ ทำเว็บไซต์มาร่วม 4 ปี รวมกัน 5 ปี สิ่งที่ประทับใจที่สุดที่คุณได้จากการทำงานใน Jeban.com คืออะไร?
จีน: ได้เพื่อนที่ดีจากอินเทอร์เน็ต
thumbsup: แล้วความล้มเหลวล่ะ?
หนุ่ม: ก็เป็นมุมกลับกัน คือเราได้เพื่อนที่มองคนละมุม เขามองในมุมเขา เรามองในมุมเรา คือกลายเป็นว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีกับเรา เขาก็ไม่ได้อยากมาสุงสิงอะไรกับเรา จริงๆ มันแค่มุมมองที่ไม่เหมือนกัน
จีน: แต่มันอาจเป็นเรื่องที่ดีก็ได้นะ เหมือนกับถ้าหากเราไม่ได้มีสิ่งนี้อยู่เราอาจจะคิดว่าทุกคนดีหมด แต่ตรงนี้เหมือนกับเราได้เกราะป้องกันตัวเองว่าบางอย่างเราก็ไม่ควรคิดอะไรที่เราคิดว่าดีอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นที่คิดต่างจากเราก็มี
thumbsup: เพื่อนที่ว่าคือเมมเบอร์ คือมีทั้งเมมเบอร์ที่รักเราและไม่รักเรา?
jeban: ใช่ ส่วนใหญ่คือเมมเบอร์ คือถ้าไม่รักเรา เขาก็ไปของเขาเอง ถ้าเขาไม่ชอบเรา เขาก็ไม่เข้ามา แต่เราก็เฉยๆ นะ เพราะเรามองว่าถ้าเราทำสิ่งที่เราคิดว่าดี เราทำต่อไป เราอาจจะเสียคนที่เสียความรู้สึกกับเราสิบคน แต่คนที่เขารู้สึกดีกับเราในวงกว้างอาจจะได้กลับมาพันคน ถ้ามองในแง่นี้ก็จะเห็นว่า “ในทุกๆ ที่สว่างมันก็จะมีเงามืด”
thumbsup: แต่เรื่องการที่คนในชุมชนออนไลน์ขัดแย้งกัน พวกนี้มันป้องกันได้ด้วย Community guideline ที่ชัดเจน คุณได้ทำเรื่องนี้หรือไม่?
jeban: มันไม่ใช่เรื่อง Community guideline มันเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัวมากกว่า ผู้หญิงอยู่ด้วยกันอย่างไรก็จะมีมองๆ กันเอง อย่างบางคนรู้สึกว่าทำไมพี่จีนกับทีมงานจิ๊จ๊ะกับคนกลุ่มนี้ดีจังเลย ทำไมเขาไม่มาตอบกระทู้หนู ทำไมไม่เม้นท์หนูใน Facebook แค่นี้ก็เป็นเรื่องแล้ว! ซึ่งมันไม่ใช่ Community guideline เพียงแต่เราไม่สามารถไปตอบทุกคนได้ หรือแค่จะให้เข้าไปพูดว่า “สวัสดีค่ะ” เราก็ทำไม่ได้ครบทุกคนไง พอเราไปจิ๊จ๊ะก็เอ๊ะ สร้างภาพหรือเปล่า แล้วแต่จะมองแล้ว บางครั้งเราห้ามไม่ได้ว่าเขาจะเข้ามาด้วยเหตุผลที่ว่าป้าจีนคือไอดอล แต่เข้ามาในเว็บแล้วกลับรู้สึกเฟลไม่เห็นเหมือนที่คิด เราก็ห้ามไม่ได้ คืออาจจะรู้จักเรา สนิทสนมกับเรา แต่พอได้ยินเราพูดเรื่องการตลาดเครื่องสำอางเขาก็รู้สึกไม่ชอบขึ้นมา
สิ่งที่เราทำอยู่มันคือการเล่นไปด้วยทำงานไปด้วยไงคะ มันแยกกันไม่ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Facebook ด้วย อย่าง Facebook จีนจะแอดแต่เพื่อน คนที่รู้จัก เคยคุย เราโอเคจำเขาได้ แต่ถ้าน้องๆ แอดมา บอกว่าตามจาก Jeban แต่ไม่เคยเจอกันเลยไม่เคยคุยกันเลยจีนขอยังไม่แอดนะ เพราะจีนถือว่าอันนี้เป็นส่วนตัว ถ้าจะตามข่าว Jeban กรุณาตามใน Fan Page แค่นี้ก็เป็นเรื่อง (ปัจจุบัน Jeban มีแฟนอยู่บน Facebook มากกว่า 40,000 คน – thumbsup) เพราะตรงส่วน Facebook ที่เป็นส่วนตัวมีคนติดต่ออยู่ไม่ถึง 500 คน
ตรง Facebook ส่วนตัว จีนจะเหวี่ยง จะบ่นเรื่องลูก จะเมาท์เรื่องเรียน เรื่องสามี เมาท์กะเพื่อน อ่านการ์ตูน ช้อปปิ้ง ซึ่งตรงนี้จีนคิดว่าทุกคนไม่ต้องมานั่งรับรู้หรอก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวและความปลอดภัย เช่น ลูกจีนเรียนที่ไหน ไปส่งลูกที่ไหน อันนี้คงไม่ต้องให้ทุกคนรู้ ยิ่งตอนหลังอยู่กับไอทีมาเยอะๆ เราจะยิ่งรู้ว่าพวกนี้แหละทำให้เกิดอาชญากรรมต่างๆ ยิ่งพอช่วงหลังจีนไม่รับแอดคนที่ไม่รู้จัก อ้าว โดนอีก หยิ่ง! นี่คือสิ่งที่เป็นเนกาทีฟที่โดนมา เคยโดนด่าออกสื่อเลยว่า “หยิ่งเนอะ ขอแอดก็ไม่รับ นึกว่าตัวเองสำคัญนักเหรอ”
thumbsup: แล้วคุณบริหารความเป็นส่วนตัวกับเรื่องงานอย่างไร?
จีน: ถ้าหงุดหงิดอยู่ก็เหวี่ยงนะทำไมล่ะ ก็เรื่องของเรา ขำๆ น่ะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซีเรียส ก็คนแอดมา ไม่รู้จักแล้วต้องแอดตอบเหรอ ก็ไม่รู้จักน่ะ ส่วนเรื่องงานก็อีกเรื่อง เช่นเวลาสาวๆ เมาท์กันในเว็บก็ดราม่า ทีมงานก็ต้องคอยห้ามทัพ?ถ้าไม่เลิกตีกันในบอร์ดจะลบยูสเซอร์ทั้งคู่ บางทีก็ต้องมีบทโหดบ้าง ก็จะมีคนที่รู้สึกแบบ ทำไมเขาด่าหนู ไม่เห็นว่าเขาบ้าง ทำไมหนูจะด่าเขาคืนพี่จะลบหนูล่ะ (หันไปแซวหนุ่มว่า หนุ่มชอบเพราะ “เพจวิว” จะเพิ่มขึ้น – thumbsup)
คือเรามองว่ามันไม่สนุกนะเว็บที่มีคนตีกัน น่าจะเป็นสังคมคนคิดบวกดีกว่า ถ้าเราจะทำอะไรในสังคมคิดบวก มันก็จะทำให้ผลตอบรับออกมาดี แต่ถ้าอยู่ในสังคมคนคิดลบ ทำอะไรก็จะมีแต่คนด่ากัน ก็จะกลายเป็นว่าทำอะไรไปก็จะตั้งแง่กัน ทำอะไรไปก็ผิดหมด แล้วคนที่จะรู้สึกผิดหวังท้ายที่สุดก็คือทีมงาน ไม่อยากให้ทีมงานมารู้สึกผิดหวังกับตรงนี้เพราะทุกคนมาช่วยกันดูแล
thumbsup: ทีมงาน Jeban จะรู้สึกแย่ไปทำไม ก็ในเมื่องานก็คืองาน คุณจ้างพนักงานมาทำงานไม่ใช่หรือ?
jeban:เราจ้างก็จริง แต่ทีมงานของ Jeban เกือบทุกคนมาจากเมมเบอร์ เราไม่ได้ประกาศรับสมัครงานที่ไหน แต่เราประกาศในเว็บว่าเราต้องการตำแหน่งนั้นๆ แล้วคัดเลือกเข้ามา ดังนั้นเราเลยไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเว็บที่เขาเคยดูมันดี? “ป้าจีน” เคยเป็นไอดอลของฉัน เคยอยู่ตรงนั้นมา ทำไมเข้ามาหลังบ้านตรงนี้มันถึงเละขนาดนี้ ไม่อยากให้เขารู้สึกแบบนั้น ยังอยากให้เค้ารู้สึกว่าฉันยังเล่นกับมันได้ และทำงานจากพื้นฐานความคิดของเมมเบอร์คนนึงอยู่ด้วย
thumbsup: ถ้ามีคนอื่นที่อยากทำเว็บเฉพาะทางแล้วประสบความสำเร็จได้อย่างคุณ คุณมีอะไรที่จะแนะนำเขาบ้าง?
จีน: (เน้น) ถ้าอยากประสบความสำเร็จที่เป็นเฉพาะทางแบบคอมมิวนิตี้ด้วย อยากให้ย้อนกลับไปย้อนฟังตั้งแต่ข้อหนึ่งตรงที่เราดูแลเมมเบอร์ ขอให้นึกถึงเมมเบอร์ก่อน เรื่องเงินมาทีหลัง หลายๆ คนอาจจะมองว่า Jeban ร๊วยรวย แต่ทำไมเราไม่รวย เพราะว่าบางอันที่เงินเยอะแต่มีผลกระทบเยอะเราก็ไม่ทำ?อย่าง “ฮาเร็ม” นี่เราก็ไม่ได้ขาย?เราจะมีสปอนเซอร์เฉพาะเมื่อเราไปขอของ หรือขออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาเราทำกิจกรรม DIY เราก็ขอตั้งฮั่วเส็ง แต่เราจะไม่ขอเงิน ถ้ามีเงินเข้ามา คุยกันไม่สนุก
หนุ่ม: มีอยู่ครั้งหนึ่งพอมีเงินเข้าปุ๊บ สปอนเซอร์ก็จะบอกว่าหมอนก็ต้องสีนั้น สีนี้ โต๊ะต้องวางตรงนั้น มันคุยกันไม่สนุกแล้ว เราอยากทำที่แยกได้เลย อันนี้ทำเอามัน อันนี้ทำเพราะอะไร ให้มีจุดยืนอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่ขายมันหมดทุกอย่าง ให้มันมีความรู้สึกนี้อยู่ในตัวเองจะทำให้เว็บมันไปได้ ให้คนที่เข้ามาเขารู้สึกว่าเออไอ้ก้อนนี้ที่บอกว่าไม่ขายน่ะ ฉันอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร คือ คนที่จะทำเว็บถ้ายังรักษามาตรฐานอยู่ได้เงินมันจะมาเอง อย่างในส่วนเซ็คชั่น “How to” ของจีน เคยมีแบรนด์มาเสนอแสนนึงให้แต่งหน้า แล้วเอาของๆ เขาใช้ แต่เราไม่ทำ
จีน: ให้ประหนึ่งว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นสินค้าที่คุณต้องประมูลน่ะ (หัวเราะ)
thumbsup: รู้สึกภูมิใจไหมที่ปฎิเสธไป
จีน: ก็ดีน่ะ แสนหนึ่งไม่ขายก็ไม่ขายต่อไป เพราะคงไม่มีใครจ้างแล้วอ่ะนะ (หัวเราะ) ทำเอามัน วันไหนนึกสนุกก็ทำดีกว่า
thumbsup: ดูเหมือนคุณจะเลือกทำเฉพาะสิ่งที่คุณสนุกและอยากทำเท่านั้น ทำแต่สิ่งที่ตัวเอง Passionate แล้วเคยรู้สึกเบื่อ Jeban ไหม ถ้าเบื่อแล้วจะทำอย่างไร?
จีน: ถ้าเบื่อแล้วก็เลิกทำ อยากทำก็ทำ อยากแต่งก็แต่ง ทำทีนึงก็เพจวิวกระจุย เราทำเพราะความสนุกดีกว่าทำเพราะเราต้องทำ เบื่อนักก็โดดงาน วันนี้ไม่อยากทำงานก็ลางานไปหาแรงบันดาลใจ คนในเว็บก็เป็นแบบนี้กัน
– – – – – – – – – –
และทั้งหมดนี้ก็คือสูตรและส่วนผสมอันเป็นเคล็ดลับความสำเร็จของ Jeban.com เพียงทำสิ่งที่เรารักและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำมัน เริ่มต้นด้วยด้วยการเทใจให้ความรักกับ “สมาชิก” อย่างจริงจัง จัดลำดับความสำคัญทุกอย่างให้ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ก่อนหน้าจะคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ จนกระทั่งสมาชิกมีความเชื่อในพลังของชุมชน ก็จะทำให้ชุมชนเป็นชุมชนที่น่าเชื่อถือและประสบความสำเร็จในที่สุด นี่กระมังคือความสำเร็จที่เริ่มต้นจากความ “รัก” ในสิ่งที่ทำ และ “รัก” สมาชิกผู้อยู่เคียงข้างคุณ หรือคุณคิดเป็นอย่างอื่น?