เรื่องของโทเคนดิจิทัลที่อาจจะเป็นนามธรรมสำหรับใครหลายคน มาวันนี้จะได้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงแบบเป็นรูปธรรมแล้ว สำหรับ JVC บริษัทในกลุ่ม Jaymart ที่เรียกได้ว่าเป็นบริษัทลูกมาแรง เพราะตั้งแต่ประกาศระดมทุนด้วยดิจิทัลโทเคน JFin Coin ไปเมื่อต้นปี ก็สามารถระดมทุนได้ทะลุเป้าคือ 660 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาระบบ Digital Lending Platform หรือระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลและครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะเห็นว่า “โทเคน” กำลังจะใช้งานได้จริงแล้ว
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่นทางด้าน Fintech และลงทุนในธุรกิจ Startup (เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART) ได้อธิบายถึง การเปิดตัวกระเป๋าเงินออนไลน์หรือ JFIN Wallet ให้ฟังว่า หลังจากที่ระดมทุนได้ตามเป้าหมายไปเมื่อช่วงต้นปี การเปิดตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเดินหน้าคริปโตเคอร์เรนซี่ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นและใช้งานได้จริงในธุรกิจเครือเจมาร์ท
JFIN Wallet คืออะไร
JFIN Wallet หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ที่เป็น Cryptocurrency Wallet แรกของคนไทย ที่พัฒนาโดยทีมของ JVC เอง สำหรับ JFIN Wallet ในเฟสแรกนี้ สามารถเก็บโทเคนดิจิทัลของ JFin ไว้ในแอพพลิเคชั่นบนมือถือของผู้ถือโทเคนดิจิทัล ซึ่งสามารถเก็บเหรียญได้ทุกสกุลที่ถืออยู่ในมือ เพียงแต่จะนำเหรียญ JFin มาใช้ในการซื้อสินค้าได้
บริษัทจะเริ่มต้นให้ใช้งาน ด้วยการนำมาใช้แลกสินค้าในเครือของเจมาร์ท เฉพาะสาขาสยามพารากอนได้ ตั้งแต่วันที่ 18-31 ตุลาคม 2561 โดยจะมีโปรโมชั่นให้แก่ 50 คนแรกใช้เหรียญมาแลกสินค้าไฮไลต์ได้ เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ต่างๆ โดยระบบจะมีการคำนวณค่าเหรียญคริปโตออกมาให้พอดีกับราคาเครื่องและนำมาแลกได้ 1 คน/ 1 สิทธิ์ (**ค่าเฉลี่ยมูลค่าเหรียญของทุกสกุลเงินอยู่ที่ 3 บาท)
นอกจากนี้ ยังนำไปแลกซื้อกาแฟที่ร้าน CASA Lapin เฉพาะสาขาราชเทวีเท่านั้น โดยแลกได้ตามเมนูที่ร้านค้ากำหนด (เพราะมีการคำนวณค่าเหรียญกับราคากาแฟไว้แล้ว) คาดว่าในอนาคตจะมีความร่วมมือใหม่ๆ หรือโปรโมชั่นเกิดขึ้นอีก
หรือผู้ที่สนใจอยากซื้อเหรียญ ก็เข้าไปที่ Cash2coins หรือ coinaccess เพื่อทำการซื้อเหรียญ Jfin มาใช้งานก็ได้เช่นกัน
กู้แบบ “ป๋า” ไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคาร
นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของการปล่อยกู้ในรูปแบบฟินเทค เป็นการปล่อยสินเชื่อแบบดิจิทัลในแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า “ป๋า” โดยเป็นแผนการพัฒนาระบบ Digital Lending Platform หรือ DLP ของบริษัทฯ โดยนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชน (ICO) มาพัฒนาระบบดังกล่าวตามที่ระบุไว้ใน White Paper ตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดระดมทุนแล้ว
หลังจากการระดมทุน ICO เมื่อต้นปีที่ผ่านมา JVC มุ่งมั่น และเร่งพัฒนาระบบสินเชื่อทั้ง Digital Lending Platform หรือ DLP และ Decentralized Digital Lending Platform หรือ DDLP ให้สำเร็จตามแผนดำเนินงานในเดือนตุลาคมปี 2562 โดยได้เดินสายขอหารือกับหน่วยงานทางการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับคำแนะนำ และข้อคิดเห็นก่อนที่จะดำเนินการ
“เนื่องจากทราบดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องระมัดระวังทางด้านการกำกับจากหน่วยงานภาครัฐ และเราได้พิสูจน์ ให้ผู้ถือ JFIN เห็นแล้วว่า บริษัทฯ มุ่งหวังที่จะสร้างให้เกิดขึ้นจริง ทั้งการร่วมมือกับ Microsoft Thailand และ R3 ในการพัฒนาระบบ Blockchain รวมถึง การต่อยอดการพัฒนาอื่นๆ ต่อไปในอนาคต”
ทั้งนี้ “ป๋า” จะเป็นช่องทางการค้นหาสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้ระบบดังกล่าว จะมีการประเมินเบื้องต้นว่าลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อมีคุณสมบัติหรือเข้าเงื่อนไขในการสมัครหรือไม่ โดยพิจารณาจากข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งลูกค้าสามารถยื่นความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ https://www.ป๋า.com หรือ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “PAH” ในระบบปฏิบัติการณ์ Google Play ได้
จากนั้นก็รอผลอนุมัติที่รวดเร็ว คาดว่าเพิ่มโอกาสในธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ที่เชื่อมต่อให้ผู้กู้ที่มีศักยภาพสามารถกู้เงินได้ และคาดหวังว่า จะเพิ่มโอกาสให้บริษัท เจฟินเทค จำกัด บริษัทในกลุ่มเจมาร์ท เข้าถึงการให้บริการสินเชื่อของผู้กู้รายย่อยที่มีศักยภาพมากขึ้น
งานนี้เรียกได้ว่าเป็นการทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอีกขั้นทัดเทียมกับต่างชาติในการนำเหรียญมาใช้งาน ไม่ใช่แค่หาที่แลกก็ยาก กระแสก็เลยตกไป การตัดริบบิ้นใช้งานจริงแม้จะเป็นแค่ธุรกิจในเครือของเจมาร์ท แต่ก็จะช่วยจุดกระแสให้ภาคธุรกิจที่กำลังมองหาโอกาสเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่ได้มีความหวัง นับว่าเป็นการพัฒนาระบบโดยภาคเอกชนรายแรกของไทย ที่มีโอกาสเติบโตต่อไปได้อย่างน่าสนใจ