เมื่อวานผู้เขียนมีโอกาสได้เข้าคลาสเรียน Jitta 101 กับผู้พัฒนา เผ่า ตราวุฒิ และ ฮันท์ ศิระ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกันมานาน คลาดกันไป คลาดกันมา จนในที่สุดก็ได้มาเรียนเสียที และต้องบอกว่าคุ้มค่าจริงๆ
ถ้าจำไม่ผิดมีโอกาสได้พูดคุยกับเผ่าถึงเครื่องมือตัวนี้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วก่อนที่เผ่าจะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อสำรวจตลาดที่นั่นกว่า 6เดือน และติดตามเห็นพัฒนาการของทีมงานนี้มาเรื่อยๆ มีการ Pivot (การปรับ Product ครั้งใหญ่ในภาษาของชาว Startup) จนกระทั่งออกมาเป็น Jitta ในปัจจุบัน ผู้เขียนกล้าบอกได้ว่าทีมงานนี้เป็นทีมหนึ่งที่เข้าใจแนวคิดของ Lean Startup เป็นอย่างดี เข้าใจว่าปัญหาของผู้ใช้ที่ลงทุนในหุ้นแท้จริงคืออะไร และพัฒนาออกมาเป็น Minimum Viable Product (MVP) นำเสนอเฉพาะฟีเจอร์ที่จำเป็นและสำคัญที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริงๆ เข้ามาทดสอบตลาดก่อน ค่อยๆ เพิ่มฐานผู้ใช้ ลูกค้าประจำ (Traction) จากหลักสิบไปเป็น หลักร้อย หลักพัน ไม่เร่งขยาย (Scale) ในเวลาที่ยังไม่สมควร
Jitta เป็นเครื่องมือช่วยการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นให้ถือยาว (ไม่ใช่เล่นแบบหวังผลกำไรกันสั้นๆ) และต้องเข้าใจว่า “What makes sense in BUSINESS also makes sense in STOCK” ตามไตล์ของ Warren Buffett คำถามที่เกิดตามมาก็คือ
- แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าบริษัทไหนดีน่าลงทุนหล่ะ?
- มูลค่าเหมาะสมจริงๆ คือเท่าไหร่?
ซึ่งปกติก็ต้องไปนั่งอ่านงบการเงิน และแน่นอนต้องอ่านเยอะมากๆ เข้าใจมากพอ รู้ว่า Fair Price อยู่ที่เท่าไหร่ ถึงจะเลือกลงทุนหุ้นที่ดีด้วยมูลค่าที่เหมาะสมได้จริง
เลยเป็นที่มาของ Jitta ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ช่วยให้การลงทุนนั้นง่ายขึ้น บอกได้ว่าบริษัทไหนดีน่าลงทุนด้วย Jitta Score และ ดูราคาที่น่าลงทุนด้วย Jitta Line (รายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ว่า 2 สิ่งนี้คืออะไรที่ Jitta Library) ภายในคลาสมีการแนะนำกันตั้งแต่ความเข้าใจในตลาดหุ้น, ปรับเปลี่ยน mindset การลงทุนที่ดี, วิธีการลงทุนที่ถูกต้อง และค่อยแนะนำตัว Jitta
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้ว่าบริษัทไหนดี หุ้นไหนดีน่าลงทุนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ทีมงานจะเน้นย้ำเสมอคือ การเอาใจใส่ ติดตามต่อเนื่อง หมั่นคอยดูแลว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร อย่า “มโน” ว่ามันยังเหมือนเดิมนั่นเอง 😀
ก่อนจาก ได้ถามผู้พัฒนาว่าทำไมต้องชื่อ Jitta ด้วย? ก็ได้คำตอบมาว่า Jitta ตัวนี้ก็คือ จิตตะ ตัวเดียวกันในอิทธิบาท 4 นั่นเอง ที่หมายถึง ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ และทำสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ไม่ปล่อยให้ฟุ้งซ่าน ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนให้เน้นที่เหตุผลไม่เน้นเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ใส่ใจและคอยติดตามเสมอ เลยถึงบาง อ้ออออ….
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ “Silicon Valley has changed the world but never crack Wall Street” นี่คือสิ่งที่ทีม Jitta มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเชื่อมโลก 2 แห่งนี้เข้าไว้ด้วยกัน ทุกๆ ครั้งที่ได้พูดคุยพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วย Passion ความรักในสิ่งที่ทำ มี Vertical Skill คือความรู้และเชี่ยวชาญเชิงลึกทำให้นำมาต่อยอดเป็นธุรกิจได้จริง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ Startup ไทยอีกหลายคนค่ะ ทีมงาน thumbsup ก็ขอยกนิ้วและเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้นะคะ