ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 โจ ไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
ทีมงาน Thumbsup ขอพาย้อนดูผลงานของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 วันครับ
1.มาตรการรับมือโควิด-19
การรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นภารกิจแรกและเร่งด่วนที่สุดสำหรับเขา โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งสหรัฐฯ ได้เร่งแผนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 200 ล้านโดส มากกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ถึงสองเท่า
พร้อมผ่อนปรนมาตรการให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้ง สามารถร่วมกิจกรรมและเดินทางภายในประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวอีกด้วย
2.ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 470 บาทต่อชั่วโมง
‘ไม่มีใครควรทำงานเต็มเวลา แต่ยังยากจนอยู่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ผมจึงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมงให้กับลูกจ้างของรัฐทั้งหมด’ โจ ไบเดนทวีตข้อความเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
โดยเขาได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี เพื่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ชาวอเมริกันที่ทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐบาลกลาง จาก 10.95 เหรียญสหรัฐเป็น 15 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง หรือราว 470 บาทต่อชั่วโมง
ซึ่งผลการศึกษาคาดว่าการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้จะทำให้คนจำนวนเกือบล้านคนหลุดพ้นจากความยากจนในอีก 4 ปีข้างหน้า และถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเยียวยาลูกจ้างของรัฐ
3.ยุติสงครามครั้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
โจ ไบเดน ไม่ใช่ผู้นำสหรัฐคนแรกที่พยายามยุติสงครามในอัฟกานิสถานที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากสหรัฐฯ สูญเสียงบประมาณ และกำลังพลอย่างมหาศาลในแต่ละปี
แต่ล่าสุด ไบเดน ประกาศให้คำมั่นเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนว่า สหรัฐจะเริ่มถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ และจะถอนทหารระลอกสุดท้ายก่อนถึงวันที่ 11 ก.ย.ปีนี้
4.เก็บภาษีคนรวย แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
หลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ไบเดน ประกาศเป้าหมายถัดไปคือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยขึ้นภาษีคนรวยในอัตราสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 37 เป็นร้อยละ 39.6
พร้อมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่มูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์นี้ ประกอบด้วยการลงทุนประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และการสนับสนุนด้านภาษี 8 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับมนุษย์
นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงแผนขยายสวัสดิการด้านสุขภาพ หรือลดต้นทุนการใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชนที่เตรียมนำเสนอต่อสภาคองเกรสในอนาคต