การเอ่ยปฏิเสธหรือพูดคำว่า “ไม่” ในที่ทำงาน มักเป็นปัญหาที่ส่งผลเสียเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานในองค์กรมาอย่างยาวนาน แต่ในบางครั้งคนเราก็มักจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากทำงานชิ้นนั้นๆ ซึ่งเหตุผลของเราอาจไม่ถูกใจคนฟังสักเท่าไหร่ ถ้าคนที่ฟังคำปฏิเสธเป็นหัวหน้าหรือเจ้านายของเรา ยิ่งต้องเจอผลกระทบในระยะยาวแน่นอน
วันนี้เราจึงมาแนะนำเทคนิคการพูดคำว่า “ไม่” ให้ไม่ดูน่าเกลียดและปฏิเสธอย่างไรที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นมาฝากค่ะ
เหตุผลหลักที่เราควรรู้จักการปฏิเสธ นั่นเป็นเพราะบางครั้งเรารู้สึกเหนื่อยล้ากับภาวะงานล้นมือ คนวัยทำงานที่สำรวจความรู้สึกของตัวเองจะรู้สึกว่าพวกเขาทำงานหนักเกินไป ขณะที่คนทำงานอยากได้เวลาเคลียร์งานให้จบแบบไม่มีงานงอกแทรกขึ้นมาตลอดทั้งวัน เพราะการเรียกประชุมบ่อยครั้ง หรือมีงานแทรกเข้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้พวกเขาจัดตารางชีวิตการทำงานลำบาก และรู้สึกเหนื่อยล้าจนหมดไฟได้ง่าย
ทำไมเราจึงควรพูดคำว่า “ไม่”
- 53% ของคนทำงานรู้สึกว่ากำลังหมดไฟ (Burned Out) หรือ ทำงานหนัก (Overworked) เกินไปแล้ว
- 49% ของคนทำงานรู้สึกอยากได้เวลาเคลียร์งานให้จบแบบสบายๆ บ้าง
เมื่อรู้จักพูดคำว่า “ไม่” จะได้อะไรบ้าง
- ผลงานจะออกมาอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
- บริหารจัดการชีวิตได้ดีกว่าเดิม
- ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย
- เชื่อมั่นกับการพูดปฏิเสธได้ดีขึ้น
เมื่อไหร่ที่ควรพูดคำว่า “ไม่”
- เมื่องานที่ได้รับมีจำนวนมากเกินไป
- มีโปรเจคงานใหม่ๆ งอกขึ้นมาตลอดเวลา
- ไม่สามารถที่จะจัดการงานกับฝ่ายต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ
- ทำงานไม่เสร็จตาม deadline สักชิ้น
ปฏิเสธอย่างไรไม่ให้ดู “แย่”
- ปฏิเสธอย่างจริงจังด้วยเหตุผลที่หนักแน่นและให้เหตุผลที่คนฟังปฏิเสธไม่ได้
- ลองเสนอเหตุผลที่มีทางเลือก ช่วยให้ง่ายต่อการตัดสินใจ
- เตรียมความพร้อมเรื่องเหตุผลให้ชัดเจนและแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ
- มีเหตุผลและมุมมองที่เปิดกว้างเผื่อต้องพึ่งพากันในอนาคต
- แม้จะรับงานใหม่เพิ่มอีกไม่ได้แต่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานและพร้อมสนับสนุนได้
ดังนั้น เพื่อคุณภาพการทำงานที่ดีขึ้น คนทำงานจึงควรรู้จักวิธีการจัดสมดุลย์ชีวิตและการทำงานให้ดีขึ้น แถมการปฏิเสธงานงอกที่แทรกขึ้นมานั้น ก็ไม่ควรเป็นปัญหากระทบการทำงานหลักหรือความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย ฉะนั้นคนที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานในกรณีต่างๆ ก็ควรที่จะรู้จักการใช้คำพูดให้เหมาะสมเช่นกัน