“ทิวา ยอร์ค” ซีอีโอ Kaidee (ขายดี) เผยตัวเลขข้อมูลการซื้อ-ขายผ่านแพลตฟอร์ม ครึ่งปีแรกพบเงินสะพัดกว่า 30,000 ล้านบาท พร้อมยอดคนดาวน์โหลดแอปฯ รวมกว่า 11 ล้านคน ด้าน RodKaidee (รถขายดี) ตลาดรถมือสองเติบโตก็เงินสะพัดกว่า 15,560 ล้านบาท
โดยสถิติที่น่าสนใจจากแพลตฟอร์มของ Kaidee ในครึ่งปีแรก มีดังต่อไปนี้
นอกจากนั้น ในภาพรวมยังพบว่า
- เดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 7,300 ล้านบาท ส่วนเดือนเมษายนเป็นเดือนที่มูลค่าการซื้อขายต่ำสุดเนื่องจากมีเทศกาลสงกรานต์ที่ผู้บริโภคเดินทางกลับบ้าน และร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัว
- พฤติกรรมการใช้งานผู้บริโภคไทยพบว่า 20% เข้าถึงผ่านเบราเซอร์บนเดสก์ทอป และส่วนใหญ่ซึ่งก็คือ 80% เข้าถึง Kaidee ผ่านอุปกรณ์โมบายล์ โดยในจำนวนนี้ 40% มาจากแอปพลิเคชัน Kaidee และอีก 60% เข้าผ่าน Mobile Web
- วันที่คนเข้าน้อยที่สุดคือวันเสาร์ วันที่คนเข้ามากที่สุดคือวันอังคาร ช่วงเวลาระหว่าง 19.00 – 22.00 น.
RodKaidee เติบโตน่าสนใจ
หันมาที่สถิติของ RodKaidee กันบ้าง คุณทิวา ยอร์ค เผยว่า ในครึ่งปีแรกก็มีรถยนต์ที่ขายได้จำนวน 56,700 คันมูลค่ารวมกว่า 15,560 ล้านบาท ดัง Infographic ด้านล่าง
นอกจากนั้นยังพบการค้นหาในกลุ่มรถเพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น เช่น รถไถ จึงวางแผนที่จะเปิดตัวเซกชั่น “รถยนต์เพื่อการพาณิชย์” (Commercial Vehicles) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่เติบโตมากขึ้น
เตรียมแยกหมวดอสังหาริมทรัพย์ออกมาเป็นหมวดย่อย
นอกจากตัวเลขในหมวดรถยนต์อย่าง RodKaidee ที่เติบโตได้ด้วยดีแล้ว คุณทิวา ยอร์ค ยังเผยด้วยว่า บริษัทมีแผนจะแยกส่วนของอสังหาริมทรัพย์ออกมาเป็นบริการที่สองรองจาก RodKaidee เนื่องจากเห็นสัญญาณในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น
- มูลค่าการซื้อขายกว่า 9,000 ล้านบาทจาก 6,639 รายการ
- แต่ละเดือนมีผู้ใช้งาน 2.2 ล้านคนขึ้นไป และมียอดเพจวิว 104 ล้านเพจวิว
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวหมวดอสังหาริมทรัพย์นั้นคาดว่าเป็นปลายปีนี้
ปรับโฉมแอปพลิเคชัน
Kaidee ยังพบด้วยว่า พฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนกว่า 80% ดังนั้น จึงมีการปรับเปลี่ยน Interface ของแอปพลิเคชันให้เหมาะกับการใช้งานของคนเจเนอเรชั่นนี้มากขึ้น มีรูปภาพมากขึ้น มีการปรับเมนูเพื่อให้เข้าใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยนำส่วนที่ใช้งานสูงมาวางไว้ด้านล่างของจอ เช่น Chat
“สถิติการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันครึ่งปีแรกพบว่ามีคนดาวน์โหลดแล้วกว่า 1.64 ล้านครั้ง ทำให้ยอดรวมผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Kaidee เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคนแล้วในปัจจุบัน” คุณทิวากล่าว พร้อมกันนี้ยังเผยด้วยว่า Kaidee ได้มีการส่งเสริมให้ผู้ใช้งานใช้แชทของแอปพลิเคชัน Kaidee แทนการออกไปคุยกันบนแพลตฟอร์มอื่น เนื่องจากเคยเกิดกรณีของการฉ้อโกงขึ้น แต่ถ้าหาก Chat บนแพลตฟอร์มของ Kaidee นั้นจะมีระบบอัตโนมัติและพนักงานคอยตรวจจับความผิดปกติ และสามารถบล็อกการพูดคุยไดในกรณีที่พบว่ามีความไม่ชอบมาพากล
ในส่วนของรายได้บริษัทนั้น มาจากโฆษณา 40% ส่วนอีก 60% มาจากบริการเสริม และมีเป้าหมายว่า บริษัทน่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2018 หรือต้นปี 2019
จับมือจุฬาฯ ทำวิจัยตลาดผู้บริโภค
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือ Kaidee ได้ร่วมมือกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยเรื่องตลาดผู้บริโภคในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการศึกษาของนิสิตและนักศึกษาไทย รวมทั้งได้ทำงานวิจัยในเรื่องการใช้ Machine Learning หรือการเรียนรู้ด้วยเครื่อง ในตลาดซื้อ-ขายของออนไลน์กับเทเลนอร์ กรุ้ป จากนอร์เวย์อีกด้วย
“นอกจากนั้น เรายังมีแผนที่จะยกตลาดออนไลน์ของเรามาสู่ออฟไลน์ ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายมาเจอกัน เพื่อพบปะ พูดคุย ซื้อขาย เป็นตลาดสุดสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยทุกเพศ ทุกวัย โดยครั้งแรกนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 2 – 3 กันยายนนี้ ณ ลานหน้าห้างมาบุญครอง โดยจะมีผู้ค้าที่ได้รับการคัดเลือกจากแพลตฟอร์มประมาณ 60 รายเข้าร่วม และมีแผนที่จะยกตลาดนี้ไปพบปะกับพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ” คุณทิวา กล่าวเสริม
ทั้งนี้การยกพลจากโลกออนไลน์สู่โลกออฟไลน์นั้น คุณทิวาชี้ว่า เป็นเทรนด์ที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเริ่มทำกันทั้งสิ้น เช่น Amazon ฯลฯ ก่อนจะทิ้งท้ายที่อีกหนึ่งเทรนด์ที่ Kaidee ตั้งใจจะทำเพิ่มเติมในปีนี้ก็คือการแยกหมวดการขายสินค้า “เกษตร” ออกมา โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้อย่างแน่นอน
บทสรุปที่น่าสนใจจากงานแถลงผลประกอบการครั้งนี้อาจเป็นการเผยให้เห็นถึงตลาด E-Commerce ที่ได้รับอานิสงค์อย่างจังจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคหันมามองหาสินค้าออนไลน์กันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการที่ Kaidee จะแตกไลน์ตลาดออกมาอีกหลายหมวดทั้ง อสังหาริมทรัพย์และสินค้าเกษตรได้นั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงตัวเลขการใช้งานที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว