การสร้างธุรกิจยุคใหม่อย่าง Startup ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ เพราะนอกจากจะต้องสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ให้รองรับการเติบโตของเทคโนโลยีแล้ว ยังต้องตอบโจทย์การใช้งานของคนจำนวนมากด้วย นั่นทำให้ Startup ไทยยังไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที ซึ่งการมีที่ปรึกษาทางธุรกิจก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะธุรกิจขนาดใหญ่ยังต้องมี Consult ไว้ช่วยวางกลยุทธ์ของบริษัทเลย หากมี Consult ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ธุรกิจรายย่อยก็น่าจะดีมีโอกาสให้ไปแตะระดับยูนิคอร์นได้
ที่ปรึกษาตั้งแต่เริ่มต้น
คุณสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และคุณธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ได้เล่าให้ทีมงาน Thumbsup ฟังในงานแถลงข่าว เปิดโครงการ KATALY
โดย KATALYST อยู่ภายใต้ธนาคารกสิกรไทย สายงานกลยุทธ์และ Analytics ซึ่งจะทำงานเกี่ยวกับ Digital Payment Platform เน้น 4 เรื่อง คือ Payment, Chanel, Solution และ Partner มีทีมงานในการดำเนินงานทั้งหมด จำนวน 8 คน ซึ่งสตาร์ทอัพทั้งหน้าใหม่และเก่า ที่ต้องการคำปรึกษา สามารถเข้ามาคุยและปรับจูนแนวทางร่วมกันได้ และถ้ารายใดมีโอกาสเติบโตธนาคารก็อาจเข้าไปลงทุนในสเต็ปต่อไป
“การให้คำปรึกษาของเราไม่ได้เป็นทางการแบบใส่สูทมาคุย แต่บางครั้งก็จบบนโต๊ะอาหารได้ เพราะเราเชื่อว่าขั้นแรกของธุรกิจที่จะสำเร็จได้คือต้องทลายกำแพงความคิดก่อน เราไม่เคยจำกัดว่าต้องเป็นธุรกิจที่ Exclusive กับเราเท่านั้นถึงเข้ามาขอคำปรึกษาได้ แต่เราเปิดกว้างเพราะเชื่อว่าสตาร์ทอัพจะเติบโตได้ ต้องมีหลายส่วนประกอบร่วมสนับสนุน”
ระดับของสตาร์ทอัพที่ KATALYST พร้อมที่จะคุยด้วยนั้น ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นระดับ Idea, Seed, Series A, B, C เพราะเราดูที่ Value ของโปรดักส์ว่าเหมาะสมกับตลาดหรือไม่และธนาคารเข้าไป Support อะไรได้บ้าง ซึ่งทีม KATALYST ไม่ได้ช่วยเรื่องเงินทุนแต่เน้นไปที่การพาเจ้าของธุรกิจเดินไปถึงเป้าหมายที่เขาวางไว้
“ถ้าเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพเดิมจะทำตลาดในประเทศได้แข็งแรงแล้ว แต่มองหาโอกาสในการขยายตัวสู่ต่างประเทศก็เข้ามาคุยกันได้ เพราะเรามีพาร์ทเนอร์ที่จะเข้าไปช่วยในการให้คำปรึกษาว่าจะปรับจูนโปรดักส์อย่างไรให้เข้ากับแต่ละประเทศ เพราะการตั้งเป้าขยายย่อมยากกว่าการปรับให้เหมาะสมกับในประเทศ เพียงอย่างเดียว”
เงินทุนมีเยอะ ขอแค่มีสตาร์ทอัพที่น่าลงทุน
คุณธนพงษ์ กล่าวเสริมว่า BEACON มีการลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันได้ทำการลงทุนไปแล้
ขณะนี้ ทางสำนักงานใหญ่ได้ให้เงินทุนกับทาง BEACON เพิ่มเป็น 135 ล้านเหรียญสหรัฐในการเข้าไปลงทุนสตาร์ทอัพ ซึ่งทางทีมใช้ไป 50% ของงบก้อนนี้แล้ว แต่ส่วนใหญ่ที่ใช้ไปก็ยังเป็นในกลุ่ม Series A หรือรายเดิมที่ลงต่อเนื่องกันมา มีทั้งสตาร์ทอัพจากไทยและต่างประเทศ หากสตาร์ทอัพระดับ Idea หรือ Seed เริ่มเข้ามาคุยกับทางทีม KATALYST ตั้งแต่ต้น ก็มีโอกาสที่จะทำงานร่วมกันมากขึ้น
“การเริ่มต้นร่วมกันแต่แรกไม่ได้หมายความว่าปิดกั้นการเป็นพาร์ทเนอร์กับ VC รายอื่นๆ นะครับ หากธุรกิจของเขาพร้อมเติบโตเรายินดี ให้เขาได้ไปเจอโอกาสใหม่ๆ มากขึ้น ในฐานะที่เราเป็น VC และมองเห็นสตาร์ทอัพไทยมานานก็ทราบว่า Ecosysytem ของ Startup จะโตอย่างยั่งยืนได้ ทุกฝ่ายต้องเปิดกว้างและพร้อมสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไข”
หากดูการเติบโตของวงการ Startup ในต่างประเทศ จะเห็นว่าประสบความสำเร็จได้ เพราะทุกฟันเฟืองเชื่อมต่อกันได้พอดี ทั้ง VC ก็พร้อมลงทุน ภาครัฐพร้อมช่วยเหลือเรื่องภาษีหรือมาตรการรัฐ และเจ้าของธุรกิจก็มี Vision ที่กว้างไกล
ทางด้านของสุปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้ง 4 รายยังอยู่ในขั้นตอน Pilot Project เพราะเรารู้ว่า เราไม่ได้เก่งในเรื่องของวงการ Startup แต่เรามีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีลูกค้าจำนวนมาก มีประสบการณ์เกี่ยวกับ Business Unit มากมาย
แม้ว่าทีมของ KATALYST จะน้อยเพียงแค่ 8 คน ที่รวมกับทีม BEACON แต่เราประกบกับ Startup ทั้ง 4 รายเลย สร้าง Passion ให้กับทีมงานเลยว่า เราจะประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อ Startup เหล่านี้ ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างต้องทำร่วมกัน รู้ถึงปัญหาและร่วมกันแก้ไข ซึ่งพวกเราทำงานร่วมกันมากว่า 2 ปี ก่อนจะมาเปิดตัววันนี้
ความหวังสูงสุดของทีม KATALYST และ BEACON คือต้องเกิด Unicorn ในไทยให้ได้ เพราะวงการนี้ทุกภาคส่วนส่งเสริมกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดสักทีของ Startup ของไทยได้เสียที ความพยายามครั้งใหญ่นี้จะต้องผลักดันให้ไทยมี Unicorn ได้จริงๆ เสียที