เรื่องของการขอสินเชื่อสำหรับธุรกิจ SME นั้น มักจะใช้เวลาในการทำเรื่องและรออนุมัตินานถึง 15-30 วัน ธนาคารกสิกรไทยจึงมองหาโอกาสใหม่ ด้วยการนำข้อมูลและพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้ามาช่วยวิเคราะห์ผ่านระบบ Data Analytic ของธนาคารเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าสะดวกขึ้น
นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทางธนาคารเข้าใจดีว่าเรื่องของเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ การผลักดันให้ SME มีการเติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น จะต้องมีการผลักดันจากสถาบันการเงินและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดการกู้เงินนอกระบบ จนเกิดปัญหาหนี้เสียและคาดหวังว่าจะช่วยลูกค้ากลุ่ม Micro SME ซึ่งเป็นธุรกิจรายย่อยที่เข้าถึงสินเชื่อยาก เพราะไม่มีการเดินบัญชี ทำให้ไม่มีหลักประกันที่เชื่อถือได้ รวมไปถึงไม่มีการวางแผนทางการเงิน
ทางด้านของรูปแบบการนำเสนอสินเชื่อนั้น ทางกสิกรไทยจึงได้นำข้อมูลจากฐานลูกค้า SME ของธนาคารมาวิเคราะห์ความต้องการทางการเงินและนำเสนอสินเชื่อให้ลูกค้าผ่านเมนู Life PLUS บนแอปพลิเคชัน K PLUS ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยธนาคารได้นำเสนอสินเชื่อไปให้ลูกค้าแล้วกว่า 1,000 ราย ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจกว่า 76% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี
ดึง Data Analytics เข้ามาช่วยวิเคราะห์ลูกค้า
ซึ่งรูปแบบใหม่ของการพิจารณาสินเชื่อสำหรับ SME นั้น จะเป็นการพิจารณาด้วยการใช้ Data Analytics เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้จนเกิดเป็นหนี้เสียได้ดีกว่า เพราะระบบจะช่วยวิเคราะห์ว่าใครที่มีความต้องการทางการเงินจริงๆ และนำเสนอสินเชื่อให้ลูกค้าในเวลาที่ถูกที่ควร ทำให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สะดวกเพราะไม่ต้องเตรียมเอกสาร ไม่ต้องใช้หลักประกัน ใช้เวลาเพียง 1 นาที ลูกค้าก็จะได้รับเงินทันที ถือว่าย่นระยะเวลาได้มาก
หากลูกค้าทำเรื่องกู้ผ่านบัตรเครดิตจะมีดอกเบี้ยถึง 18% หรือกู้ผ่านบัตรกดเงินสดจะเสียดอกเบี้ยถึง 28% ในขณะที่การนำเสนอสินเชื่อผ่านแอป K PLUS จะคิดดอกเบี้ย เริ่มต้นที่ MRR+3% ต่อปี ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าช่องทางอื่นๆ
นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าว ยังเป็นการนำข้อมูล ที่ธนาคารมีในมือมาวิเคราะห์ แทนการเก็บเอกสารกระดาษที่ต้องขอใหม่ทุกครั้ง ซึ่งธนาคารได้มีการพัฒนาระบบ ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้รอบด้าน ด้วยการพิจารณากว่า 300 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Transaction ที่ทำผ่านธนาคาร ข้อมูลด้านเงินฝาก การใช้เครดิต การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและการชำระ เป็นต้น ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าตอบรับข้อเสนอสินเชื่อ ภายใน 1 นาที ลูกค้าก็จะได้รับเงินเข้าบัญชีทันที
ไม่ใช่แค่การดึงข้อมูลมาวิเคราะห์สินเชื่อเท่านั้น การคัดกรองข้อมูลทั้งหมดออกมาประมวลผล ยังช่วยให้ธนาคารทราบว่า ต้องนำเสนอสินเชื่อ “ให้ใคร” ที่กำลังมีความต้องการเรื่องเงินทุน “ให้เมื่อไหร่” ถึงจะเหมาะสมกับช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ และ “ให้เท่าไหร่” ถึงจะเป็นวงเงินที่เหมาะสมกับความต้องการในธุรกิจ
เพิ่มโอกาสเข้าถึง SME
การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่นี้ขึ้นมา ช่วยลดช่องว่างระหว่างธนาคารกับ Micro SME ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ทางธนาคารเอง ไม่ได้กำหนดว่าจะเป็น SME กลุ่มไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นธุรกิจระดับไหน ขนาดเท่าไหร่ก็มีโอกาสได้รับการเสนอสินเชื่อ SME ผ่านมือถือ ตั้งแต่ธุรกิจแบบซื้อมาขายไป ธุรกิจออนไลน์ แม่ค้าตามตลาดนัด ไปจนถึงเจ้าของธุรกิจโรงงานผลิต
ธนาคารเชื่อว่าหากธุรกิจ SME เหล่านี้ มีเงินทุนในธุรกิจเพียงพอก็จะช่วยสร้างโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่องขึ้น และพัฒนาธุรกิจของตนเองขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อ SME ผ่านแอป K PLUS เอาไว้ถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีความต้องการของลูกค้าจำนวนมากก็อาจเพิ่มวงเงินก้อนนี้มากขึ้นอีกได้
การช่วยเหลือภาคธุรกิจ SME โดยเฉพาะรายย่อยในครั้งนี้ของกสิกรไทย น่าจะช่วยให้ธุรกิจรายย่อยเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น เชื่อว่ายังมีธุรกิจอีกหลากหลายที่มองหาเงินทุนแบบที่ไม่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยสูงจนเกินไป ลดการกู้ยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งวันนี้สินเชื่อ SME รูปแบบใหม่ของกสิกรไทยก็เข้ามาตอบโจทย์ได้ครบถ้วน เพียงแต่ธุรกิจ SME เองก็ต้องหมั่นเดินบัญชีเพื่อสร้างประวัติการทำธุรกรรม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
บทความนี้เป็น Advertorial