ปัจจุบันแบรนด์สินค้าต่างๆ พยายามงัดกลเม็ดและวิธีเพื่อให้คนทั่วไปเข้ามาเป็นลูกค้าของสินค้าเข้าให้ได้ และวิธีที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้นการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ในการดึงคนเข้ามาเป็นลูกค้า และช่องทางนี้ยังสามารถที่จะมัดใจลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความใกล้ชิดกับแบรนด์ได้มากกว่าวิธีอื่นๆ ข่าวนี้เป็นอีกหนึ่งแนวความคิดในการใช้โซเชียลมีเดียที่จำทำให้คนที่สนใจหรือเพียงแค่เดินผ่าน สามารถเข้ามาเป็นลูกค้าแถมยังช่วยบอกต่อสินค้าได้เป็นอย่างดี ติดตามได้จากข่าวครับ
นอกจาก Facebook ที่ได้รับความนิยมแล้ว นกน้อยสีฟ้าอย่าง Twitter ก็ฮิตไม่แพ้กัน และนี่ก็เป็นช่องทางในการทำการโปรโมทแคมเปญนี้ โดยที่จะให้คนที่ใช้งาน Twitter ทวีตข้อความโดยติด hashtag ที่กำหนดไว้ และเอาข้อความที่ทวีตออกไปมาแลกสินค้าที่ร้านที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อแคมเปญนี้โดยเฉพาะไปแบบฟรีๆ
สินค้านี้ก็คือขนมขบเคี้ยวจากบริษัทผลิตซีเรียลอาหารเช้าอย่าง Kellogg ที่ใช้ Twitter ในการโปรโมทสินค้าแครกเกอร์อบกรอบ Special K โดยมีการตั้งร้านชั่วคราวในกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยใช้ชื่อร้านว่า Tweetshop ซึ่งร้านนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำการแจกสินค้านี้ไปแบบไม่ต้องเสียเงินโดยเฉพาะ แต่ต้องแลกกับการทวีตข้อความที่กำหนดไว้ตามเมนูที่อยากกิน โดยในข้อความนั้นจะมี hashtag ที่ชื่อว่า #tweetshop เพื่อเป็นการสื่อถึงแคมเปญ
หลังจากได้เริ่มกิจกรรมนี้ ผลตอบรับที่ดีอย่างมา และยังมีการแซวจากคนที่ไปรับสินค้าด้วยการแลกข้อความทวีตตลกๆ ที่ว่า “น่าเสียดายที่มีการแจกแค่ขนมเพียงอย่างเดียว มีที่ไหนบ้างที่เอาข้อความทวีตของฉันไปแลกกับกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบ”
ถือเป็นการสร้างการติดต่อกับผู้ใช้งานทั่วไปโดยใช้หลักการ?pay-with-a-tweet?(จ่ายด้วยข้อความทวีต) และ Kellogg ถือเป็นบริษัทแรกที่ใช้หน่วยเงินตราโซเชียล (Social Currency) มาแทนการใช้เงินตราจริงในการแลกกับสินค้า โดยแคมเปญนี้ได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีการตั้งร้านเป็นเวลา 4 วัน
และนี่คือวิดิโอแนะนำแคมเปญนี้
เราได้อะไรจากข่าวนี้
นับเป็นแนวทางใหม่ในการแจกสินค้า ซึ่งปกติแล้วเรามักจะได้ของแจกเป็นของตัวอย่าง (Sampling) ตามสถานีรถไฟฟ้าหรือตามห้าง ซึ่งเมื่อให้แล้วก็จบไป แต่วิธีนี้เป็นการช่วยทำให้แบรนด์นั้นถูกกระจายออกไปด้วยช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter ซึ่งมองว่าสามารถทำได้ง่ายมากๆ ด้วยการใช้กติกาง่ายๆ เพียงข้อเดียว
แบรนด์สินค้าไทยของเราน่าเอามาเป็นตัวอย่างในการทำตามนะครับ แต่ก็ไม่ควรนานเกินไปในการทำแคมเปญ อย่างที่ข่าวบอกเขาใช้เวลาเพียง 4 วันแล้วจบแคมเปญ เพราะถ้านานไปอาจส่งผลลบมากกว่าผลบวกต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์
หวังว่าคงจะมีแบรนด์ไทยได้ลองใช้วิธีนี้ในการแจกสินค้าตัวอย่างบ้างในเร็ววันนี้นะครับ
ที่มา: AdAge