การเปิดตัวของ Amazon Fire ร้อนแรงพอๆ กับการโยนไฟเข้ากลางตลาด smart device จริงๆ ครับ พอเปิดตัวมาปุ๊บก็เริ่มมีบทวิเคราะห์ของเมืองนอกออกมาหลายๆ ประเด็น หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่อง Why No Kindle Touch or Fire for EU, UK? เขาเล่าถึงเหตุผลที่ว่าถึง Kindle จะร้อนแรง แต่ก็อยู่ได้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทำไม Kindle ถึงไม่มีวางขายใน EU กับ UK ผมว่าน่าสนใจดีเพราะเหตุผลมันน่าจะคล้ายๆ กับการที่ Kindle ก็จะไม่มาขายเมืองไทยง่ายๆ หรือไม่มีวันเกิดในเมืองไทยแน่ๆ? มันมีสาเหตุอะไรบ้าง? มาดูกัน
Jeff Bezos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Amazon ออกมากล่าวเร็วๆ นี้ครับว่า “ถ้าหากเราจะสร้างอุปกรณ์เพียงเพื่อให้มันเป็นแค่อุปกรณ์คุณก็ล้มเหลวตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว” และหลังจากที่พูดเขาก็พิสูจน์ด้วยการเปิดตัว Kindle Fire อุปกรณ์เสพ Digital content ที่เป็นมากกว่าการอ่านอีบุ๊คแบบเก่าก่อน ออกมาชนช้างกับ iPad, Galaxy Tab ในบทความเขาสรุปออกมา 4 ข้อ
1. Amazon ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลยูโร ในยุโรปคุณจะขายอุปกรณ์ไร้สายไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากทางการ อันนี้ถ้าเปรียบเทียบว่าถ้า Amazon มาเมืองไทยก็คงต้องขอเช่นกัน แต่อันนี้จริงๆ ผมว่าไม่ยาก ถ้าหากจะขอรัฐบาลไทยก็ให้ขอมาเถอะ ปัญหาจริงๆ สำหรับเมืองไทยคือเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญามากกว่า คนไทยไม่ค่อยให้ค่ากับลิขสิทธิ์ทางปัญญาเท่าไหร่ พวกการซื้อขาย Content เลยเกิดยาก รัฐบาลและเอกชนต้องร่วมมือกันถึงจะมีอนาคตมากกว่านี้
2. บราวเซอร์ Silk ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Kindle ใหม่ ยังเปิดใช้ไม่ได้เนื่องจากข้อกฏหมายเรื่องความเป็นส่วนตัวและกฏหมายการป้องกันฐานข้อมูล (data protection laws) การทำงานของ Silk มีบางอย่างที่ต้องผ่านกระบวนการทางกฏหมายก่อน เพราะหลักการทำงานของ Silk จะต้องเก็บข้อมูลบางอย่างของผู้ใช้ไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของ Amazon และทาง Amazon จะนำข้อมูลพวกนั้นไปปรับการแสดงผลให้ดูดีบนเครื่องอุปกรณ์ Kindle Fire ซึ่งขั้นตอนพวกนี้ต้องการสะสางทางกฏหมายในยุโรปก่อน อันนี้ไม่แน่นะครับ ถ้ามาเมืองไทยก็ต้องทำเช่นกัน? ยังไม่ต้องพูดถึงการตั้งเซิร์ฟเวอร์ในภูมิภาคนี้ด้วย
3. Amazon ไม่มี content อันนี้ชัดเจนว่าขายแต่เครื่องอย่างเดียวไม่ได้ เครื่องจะดีแค่ไหนถ้าไม่มีเนื้อหาดีๆ ให้เสพ เราจะมีมันไว้ทำไม? ทาง Amazon ยังไม่เปิดขายในยุโรปอื่นเพราะไม่เชื่อว่าผู้ใช้ Kindle ในยุโรปจะได้รับบริการที่ดีเพียงพอ? ทางบริษัทอาจคุยกับ Content partner ไว้หลายเจ้าแล้ว แต่จะเปิดทีมันก็ควรจะเปิดในระดับกลยุทธ์ทั้งภูมิภาค สำหรับเมืองไทยก็เช่นกัน เราอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าหากว่า Amazon จะมา เขาก็ต้องคิดหนักครับ เพราะแต่ภูมิภาคนี้มีความหลากหลายกว่าอเมริกาและยุโรปมาก สองทวีปนั้นยังใช้ภาษาอังกฤษ และพวกตระกูลโรมันเป็นหลัก แต่ลองมาแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จอดสนิทครับ แถบนี้คนไทยเสพภาษาไทย คนเวียดนาม คนอินโดนีเซีย มาเลย์ ฟิลิปปินส์ ล้วนแล้วแต่ใช้ภาษาของตัวเอง และระบบการทำ Digital content ก็ยังไม่นิ่ง Publisher ผู้จัดทำ Content ยังเก็บไฟล์เป็น PDF กันอยู่เลย
4. ปัญหา Supply chain ถึงแม้จะเคลียร์ปัญหา 3 อย่างข้างต้นได้แล้ว แต่ Amazon ก็น่าจะติดปัญหาเรื่อง Supply chain อีก ไหนจะต้องหาคนช่วยจำหน่ายเครื่อง ไหนจะต้อง หลังจากเปิดตัวคราวนี้ก็คาดว่าจะขายได้ 4 ล้านเครื่องในปีนี้แต่ก็เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น
ด้วย 4 เหตุผลด้านบนที่ฝรั่งเขาสรุปมาแล้วเราเอามาลองคิดต่อดู… แม้ว่าหลายคนจะสนใจ Amazon Kindle Fire จอสีระบบ Android แต่ผมก็ฟันธงได้เลยว่ามันไม่มีวันเกิดในเมืองไทย เต็มที่ก็คือมีคนหิ้วมาจากเมืองนอกเอามาอ่านหนังสือ แต่ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียวผมว่าใช้ Kindle ที่เป็น e-ink รุ่นเก่าก็ยังใช้ได้อยู่ครับ บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยเข้าใจว่าเราจะตื่นเต้นกันไปทำไม? Amazon เองก็ไม่สามารถมาเปิดตลาดในเมืองไทยได้ง่ายๆ เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของเรามี 20 ล้านคนจริง แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังมีคนใช้ tablet อยู่ราวหลักแสนคนเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่าเปิดไปก็ไม่คุ้มครับไม่งั้นป่านนี้ Apple ก็คงมาเปิด iTunes เมืองไทย เอาเพลงเอาหนังของแกรมมี่ อาร์เอสใส่เข้าไปแล้วล่ะครับ
หรือคุณมองเป็นอย่างอื่น?