สำหรับในยุคที่ StartUp App กำลังบูม และตลาดมีการแข่งขันสูงในปัจจุบันนี้ การโปรโมต App ให้ออกไปสู่สายตาผู้คน และเข้าถึง User ทั่วไป โดยเฉพาะใน store หลักๆ อย่างๆ Apple และ Google Appstore ดูเหมือนว่าจะมีความลำบากมากยิ่งขึ้น ดังน้ันการวางแผนโฆษณา การวัดผล และเครื่องมือในการวัดผล เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ App ประสบความสำเร็จได้มาก
การโฆษณา และการเลือกใช้ช่องทางที่ถูกต้องนั้น จัดว่าเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในบ้านเรานั้น startup หรือบริษัทต่างๆ ยังขาดประสบการณ์ในวางแผนลงทุนโฆษณาในแต่ละช่องทาง, การวาง KPI ที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการทำ Campaign และยังขาดเครื่องมือที่ช่วยวัดผลในแต่ละช่องทางที่ใช้ จึงทำให้บ่อยครั้งเป็นการลองผิดลองถูกที่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และอาจไม่ได้ข้อมูลสำคัญที่สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจครั้งต่อๆ ไปให้ดีขึ้นได้
ทาง Adways บริษัทที่เชี่ยวชาญการโฆษณา App บนโทรศัพท์มือถือ ก็มีคำแนะนำ ในเรื่องการวางแผนโฆษณา App ให้ดีขึ้น ดังนี้
1.วางจุดประสงค์ และ KPI ให้ชัดเจน
โดยเฉพาะในการโฆษณาครั้งแรก ควรจะมีการวางจุดประสงค์ว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เช่น การเพิ่มจำนวน installs, active users หรือยอดการสมัครรับข่าวสาร เป็นต้น โดยอาจเริ่มพิจารณาจากประเภทของ App และ กลุ่มผู้ใช้และcontent ของ App นั้นๆ หลังจากนั้นจึงมาวางตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) ว่าจะใช้มาตรวัดผลใดมาวัดผลว่าเรากำลังดำเนินการเป็นอย่างไร ตรงตามวัตถุประสงค์ของการโฆษณาที่ได้ตั้งไว้หรือไม่ การใช้ KPI ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเราใช้ KPI ที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมเหตุสมผล ไม่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ภารกิจ และกลยุทธ์ ที่ไม่สามารถเป็นไปได้ เราก็ไม่สามารถนำผลการประเมินไปใช้ได้
2.เลือกช่องทางที่เหมาะสม
ปัจจุบันช่องทางการโฆษณานั้นมีรูปแบบที่หลายหลาย ทั้ง CPC ads หรือ banner ต่างๆ ตามเว็บไซต์ และภายใน app, Incentivized CPI networks ซึ่งเป็นการให้รางวัล แลกกับการ install เช่น AppDriver ของ Adways ที่รับประกันจำนวนดาวน์โหลดที่แน่นอน และยังส่งผลดีเรื่องอันดับใน store จากจำนวนดาวน์โหลดที่เพิ่มขึ้น
โฆษณาแต่ละรูปแบบนั้นมีจุดเด่น-ด้อยที่แตกต่างกันไป เช่น CPC นั้นสร้าง awareness ได้มาก แต่ก็มี conversion ไปสู่การ install ที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกัน Incentivized CPI network แม้จะมีประเด็นว่าผู้ใช้งานที่ install จาก campaign นั้นมีคุณภาพนอาจเทียบกับ CPC ไม่ได้ แต่ก็ทำให้ Application ได้อันดับที่ดีขึ้นมาก และเพิ่ม Organic install หรือกลุ่ม users ที่ install โดยตรงจาก Store โดยไม่ผ่าน Campaign และเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพสูง และสนใจ ทำให้มีผู้ใช้งานคุณภาพเพิ่มตามมา เราจึงควรพิจารณาจุดเด่น-ด้อยต่างๆ และสร้าง Campaign โดยเลือก หรือผสมผสานหลายๆ ช่องทางให้เหมาะสมกับ KPI
3. เก็บข้อมูล
โดยเฉพาะการทำ Campaign ปัจจุบันที่ต้องพึ่งพาหลายช่องทางทั้ง Facebook, LINE, Google GDN หรือ CPI networks ต่างๆ ทำให้เกิดความสับสน ใช้เวลา และยากที่จะประเมินผล หากขาดตัวช่วยสำคัญอย่าง Tracking tool ที่ช่วยเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้วิเคราะห์และประเมิน Campaign
ในปัจจุบันก็มี Tracking Tool คุณภาพมากมายให้เลือกใช้ อย่าง PartyTrack ของ Adways ซึ่งสามารถเก็บรวมข้อมูลจาก Campaign หลายๆ ช่องทางไว้ในที่เดียว และยังให้ลูกค้านำไปใช้ได้ฟรีสำหรับช่วยวัดผล และช่วยให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย ตัดสินใจในการลงทุนเพิ่ม หรือบริหารงบโฆษณาช่องทาง ต่างๆ รวมถึงในครั้งต่อๆ ไปได้ดีขึ้น ส่วน Tracking tool คุณภาพอื่นๆ ที่มีให้เลือกใช้อีก แต่ต้องจ่ายค่าบริการ เช่น MAT, AppsFlyer, AdX ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการโฆษณาแล้ว การจะทำให้ App ของคุณติดอันดับสูงๆ และได้รับผลตอบรับที่ดีนั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และปัจจุบันการโฆษณาก็มีรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากเราพยายามติดตามข่าวสาร และผสมผสานให้ลงตัวทั้งวิธีการโฆษณาแบบดั้งเดิม และรูปแบบเฉพาะต่างๆ ดังที่กล่าวไป ก็ย่อมสามารถที่จะทำให้ app แพร่หลายเป็นที่รู้จักได้ และหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัว App ของคุณเองแล้ว ว่ามีทีเด็ดจริงๆ แค่ไหน
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
Adways Labs Thailand Co.,Ltd.
กิตติพันธุ์ บุญเรืองรัตน์ / ณัฐพงษ์ จันทรรุ่งโรจน์/ ภัทรพล ชื่นประทุม
TEL:+66-2656-0727
E-mail:sp@th-adwayslabs.com
บทความนี้เป็น Advertorial