เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงกันให้ดีสำหรับปี 2018 สำหรับธุรกิจสินเชื่อ หลัง “กรุงศรี ออโต้” ออกมาเผยเทรนด์การแข่งขันในตลาดสินเชื่อยานยนต์ปีหน้าว่าจะเต็มไปด้วยนวัตกรรมทางการเงินที่นำมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น
โดยในส่วนของกรุงศรีออโต้นั้นมีการเตรียมนำเสนอนวัตกรรม ที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การให้บริการสินเชื่อบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การเข้าใจลูกค้าอย่างเจาะลึก และการจับมือพันธมิตรที่เปิดกว้างขึ้น เพื่อก้าวให้ทันสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การปฎิวัติทางเทคโนโลยีส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และก่อให้เกิดโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แบรนด์ต่างๆ จึงพยายามพลิกเกมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตน”
สำหรับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทยเองก็เริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างแพร่หลายขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพการบริการ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่จะพบได้ในปี 2018 จึงอาจเป็นการก้าวออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ มากขึ้น โดยมี 3 เทรนด์ด้านดิจิทัลที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดในปีหน้านี้ ประกอบด้วย
1. การใช้งาน Digital Lending เต็มรูปแบบ
ในยุคที่ดิจิทัลเพย์เมนต์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการบริการสินเชื่อยานยนต์อย่างครบวงจรบนแพลตฟอร์มดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยผลการสำรวจของ PricewaterhouseCoopers ระบุว่าผู้ซื้อรถถึง 83% สนใจศึกษาข้อมูลด้านสินเชื่อ ก่อนจะเลือกซื้อรถที่โชว์รูม
ในจุดนี้ ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์จะเริ่มให้บริการสินเชื่อแบบดิจิทัล (Digital Lending) อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยลูกค้าจะสามารถขอสินเชื่อ ยื่นเอกสารต่างๆ ติดตามผลอนุมัติ รับเงิน ตลอดจนดูประวัติการชำระเงินได้แบบเรียลไทม์ผ่านเว็บไซต์ หรือโมบายล์แอปพลิเคชั่น รวมถึงการนำฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่าง e-signature และ e-identificationมาใช้อย่างแพร่หลายขึ้นในกระบวนการสมัครสินเชื่อยานยนต์
2. เข้าถึงผู้บริโภคแบบ Personalization มากขึ้น
นอกเหนือจากเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการแบ่งกลุ่มผู้บริโภค เช่น อาชีพ อายุ เพศ หรือฐานรายได้ ในปีหน้านี้ ตัวตนและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวของลูกค้าจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
โดยกรุงศรีออโต้มองว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอย่างละเอียดในทุกๆ Touch Point เช่น ช่องทางการสื่อสารที่ชื่นชอบ และวิธีการผ่อนชำระที่เลือกใช้ เพื่อสร้างโซลูชั่นที่เหมาะสม และมอบให้ลูกค้าในเวลาที่พวกเขาต้องการ
โดยอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น ก็คือการเข้าให้ถึง “จังหวะของชีวิต” (Pace of Life)’ ของผู้บริโภค เช่น ลูกค้าที่ผ่อนชำระใกล้ครบมีแนวโน้มที่จะมองหารถคันใหม่ หรือลูกค้าที่มีพ่อแม่วัยเกษียณมักมองหาอุปกรณ์เสริม เช่น เก้าอี้รถเข็น เป็นต้น
3. Infinite Partnership
กรุงศรีออโต้มองว่า รูปแบบของพันธมิตรในวงการสินเชื่อยานยนต์ก็จะมีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นการจับมือกับแบรนด์ในตลาดอื่นๆ ที่กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ผลิต หรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมถึงการใช้แพลตฟอร์มของแบรนด์อื่นๆ ในการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า ไปจนถึงการจับมือร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ มากขึ้นด้วย
จากความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจสินเชื่อยานยนต์นั้นพร้อมที่จะเข้าถึงผู้บริโภคด้วยข้อมูลที่ลึก และตรงกับความต้องการมากกว่าเดิมแล้ว น่าเป็นห่วงก็แต่ฟากของผู้บริโภคมากกว่า ว่าจะมีโอกาส หรือมีความเข้าใจในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้สักเท่าไร ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาเป็นลูกค้าของบริการสินเชื่อยานยนต์