กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ชี้วิกฤติโควิดทำพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคเปลี่ยน หมวดแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ความนิยมเพิ่มขึ้น หมวดท่องเที่ยวและห้างสรรพสินค้ามีสัญญาณดีขึ้น ขณะที่หมวดประกันภัยและซุปเปอร์มาเก็ตยังคงเป็นหมวดที่มียอดใช้จ่ายสูงสุด
พร้อมเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 196,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 58,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 133,000 ล้านบาท เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ชูดิจิทัล นวัตกรรม คาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไตรมาสสุดท้ายเติบโตกว่า 20% เทียบกับไตรมาสที่ 3
หมวดที่ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
แพลตฟอร์มออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น – ผู้บริโภคทุกวัยคุ้นชินกับการใช้จ่ายและใช้บริการออนไลน์
- หมวดช้อปปิ้งออนไลน์ ยอดใช้จ่ายยังคงเติบโตต่อเนื่องแต่เริ่มมีแนวโน้มช้าลง โดยตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ยอดใช้จ่ายออนไลน์เติบโตกว่าปีที่แล้วกว่า 150% แต่หลังเดือนพฤษภาคม เติบโตเพียง 75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลูกค้าทุกวัยยังคงมีแนวโน้มใช้จ่ายในหมวดช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น
- หมวดสินค้าตกแต่งบ้าน ช่วงล็อคดาวน์ ลูกค้าซื้อสินค้าหมวดสินค้าตกแต่งบ้านผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าตัว และหลังคลายล็อค ยอดขายหน้าร้านก็เพิ่มสูงขึ้นมาก แสดงถึงความสนใจในการตกแต่งบ้านที่เพิ่มขึ้น
- หมวดบริการสั่งอาหาร (Food Delivery) ยอดใช้จ่ายยังคงเติบโตต่อเนื่อง เติบโตขึ้นกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว
- หมวดบริการสตรีมมิ่งและความบันเทิงออนไลน์ เติบโตสูง แม้หลังช่วงคลายล็อคดาวน์ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ขณะที่หมวดความบันเทิง เช่น โรงหนัง ยังคงซบเซา แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งและความบันเทิงออนไลน์มากขึ้น
หมวดที่มีสัญญาณดีขึ้นหลังคลายล็อคดาวน์
หมวดโรงแรมในประเทศ, ร้านอาหาร, ห้างสรรพสินค้า, แฟชั่น, ความงามและเครื่องสำอาง มีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังคลายล็อคดาวน์
- หมวดการท่องเที่ยวในประเทศ ยอดจองโรงแรมในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน มีแนวโน้มสูงขึ้น คาดว่า เป็นผลจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี ยอดจองตั๋วเครื่องบินและยอดใช้จ่ายในหมวดตัวแทนท่องเที่ยว โดยรวมส่วนใหญ่ยังซบเซา ยกเว้นตัวแทนท่องเที่ยวที่เป็นพันธมิตรหลักในโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐ และยอดจองตรงกับโรงแรม ซึ่งมียอดสูงขึ้น นอกจากนี้ ยอดใช้จ่ายในหมวดบริการเช่ารถยังเติบโตขึ้น แสดงถึงความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวแบบส่วนตัวมากขึ้น
- หมวดร้านอาหาร แม้ว่ายอดใช้จ่ายในหมวดร้านอาหารจะยังไม่กลับมาในระดับที่เทียบเท่ากับปีที่แล้ว แต่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ยอด ใช้จ่ายในแต่ละครั้ง สูงขึ้นกว่าช่วงล็อคดาวน์ถึง 64% นอกจากนี้ ยอดใช้จ่ายในหมวดนี้ในช่วงหลัง 2 ทุ่มก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์ แสดงให้เห็นว่า คนเริ่มกลับมารับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น
- หมวดห่างสรรพสินค้า คนเริ่มกลับเข้าห้าง ในเดือนสิงหาคม 2563 ยอดใช้จ่ายในหมวดห้างสรรพสินค้าสูงกว่ายอดในเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 3% ก่อนจะลดลงในช่วงเดือนกันยายน
- หมวดสินค้าแฟชั่น ยอดใช้จ่ายเริ่มกลับมากระเตื้องขึ้น ที่น่าสนใจคือ ยอดใช้จ่ายในการซื้อสินค้าแบรนด์หรูเติบโตสูงกว่าแบรนด์ระดับกลาง แสดงว่าผู้บริโภคส่วนหนึ่งยังคงมีกำลังซื้อ และใช้จ่ายต่อเนื่อง
- หมวดความงามและเครื่องสำอาง กลับมากระเตื้องขึ้นหลังคลายล็อคดาวน์ โดยยอดใช้จ่ายในหมวดสินค้าประเภทสกินแคร์ เติบโตสูงกว่าสินค้าประเภทเครื่องสำอาง
หมวดที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด
หมวดประกันภัย และหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ตยังคงเป็นหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงที่สุด
- หมวดประกันภัย และหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นหมวดใช้จ่ายพื้นฐาน เป็นหมวดที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยังคงมียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่หนึ่ง และสอง ตามลำดับ
คุณณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล อันประกอบไปด้วย บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส วีซ่า กล่าวว่า “ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงบรรยากาศการจับจ่ายที่เริ่มฟื้นตัว สอดคล้องกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นเทียบกับช่วงล็อคดาวน์ โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 196,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 58,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 133,000 ล้านบาท”
“อย่างไรก็ดี สภาวะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันค่อนข้างผันผวน บริษัทจึงเตรียมปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเน้นการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยนำเอาดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และยกระดับคุณภาพการบริการ โดยบริษัทคาดว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตกว่า 20% เทียบกับในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าตลอดทั้งปี 2563 จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 280,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 83,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 144,000 ล้านบาท” คุณณญาณีกล่าวสรุป