ในยุคที่หน่วยงานภาคเอกชนปรับตัวรับกระแสดิจิทัลกันมากขึ้น แน่นอนว่ากลุ่มมนุษย์ทำงานรุ่นใหม่ ก็ต้องพัฒนาและเพิ่มทักษะใหม่ๆ เพื่อหาโอกาสในชีวิตกันมากขึ้น ทาง Krungthai Macro Research ได้เก็บผลสำรวจเกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนในยุค Automation และ Technology 4.0 พร้อมแนะให้เร่งเพิ่มทักษะใหม่ๆ เพื่อทำงานที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น อย่างเช่นงานด้านความคิดสร้างสรรค์และวิเคราะห์ เพราะมีแนวโน้มเติบโตดีกว่างานออฟฟิศแบบเดิม รวมทั้งต้องปรับตัวมีทักษะด้านการออม เพื่อรองรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณด้วย
ปรับตัวเพื่ออนาคต
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai Macro Research ได้ออกบทวิจัยเรื่อง “Automation และการปรับตัวของมนุษย์เงินเดือนชาว Millennials” โดยมองว่า Automation หรือการนำเทคโนโลยีมาทำให้งานเป็นอัตโนมัติมากขึ้น จะมีผลกระทบต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานบางประเภท โดยเฉพาะงานรูทีน และจะมีผลต่อการเติบโตของรายได้และภาวะความเป็นอยู่ในอนาคต
“เรื่องนี้สำคัญสำหรับชาว Millennials หรือผู้ที่เกิดในช่วงปี 2523-2540 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยทำงาน และต้องอยู่ในตลาดแรงงานในช่วง 20 กว่าปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะมีการนำ Automation มาใช้แพร่หลายมากขึ้น โดยเทคโนโลยี Automation ใหม่ๆ สามารถทำงานแทนพนักงานในออฟฟิศ หรือ White-collar jobs หลายๆ อย่างได้มากขึ้น รวมทั้งงานที่มีค่าจ้างสูงๆ ด้วย”
โดยผลสำรวจของ World Economic Forum ในปี 2561 พบว่า 50% ของบริษัทในกลุ่มตัวอย่างจากหลายประเทศทั่วโลก คาดว่า Automation จะกระทบการจ้างงานแบบเต็มเวลาภายในปี 2565 ซึ่งขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่ของไทยต่างก็มีแผนจะนำ Automation มาใช้งานเพิ่มมากขึ้น แม้ไม่มีการลดจำนวนพนักงานลงด้วยการเลิกจ้าง แต่ก็เตรียมปรับโครงสร้างองค์กร
“หากชาว Millennials ยังทำงานรูทีนเหมือนเดิม อัตราการเติบโตของรายได้จะน้อยลงตามความต้องการทักษะดังกล่าวที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินออมในช่วงวัยทำงาน และสุดท้ายเงินออมสำหรับใช้ในช่วงหลังเกษียณอาจน้อยกว่าที่คาด ทำให้ต้องทบทวนว่าจะทำงานเดิมต่อไป หรือเรียนต่อ เพื่อเปลี่ยนมาทำงานในลักษณะที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืองานเชิงบริหาร ซึ่งเป็นงานที่ทำให้เป็นอัตโนมัติได้ยากกว่า”
วางแผนการออมเพื่อชีวิตหลังเกษียณ
ดร.กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategy กล่าวว่า สำหรับชาว Millennials การเติบโตของรายได้ที่ลดลง 1% อาจต้องทดแทนด้วยการออมที่เพิ่มขึ้นถึง 4% ของรายได้ เพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณเท่าเดิม ในบางกรณี หาก Automation ทำให้รายได้เราโตเท่าอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น อาจต้องออมถึง 35% ของรายได้ จากเดิมที่ออมเพียง 25% ของรายได้ แต่การออมมากขนาดนั้นก็ทำได้ไม่ง่ายนัก
ในตลาดแรงงานยุคใหม่ การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็น หากกังวลว่าการเติบโตของรายได้จะถูกกระทบจาก Automation การศึกษาเพิ่มเติมเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าพิจารณา เนื่องจากช่วยให้สามารถทำงานประเภทใหม่ที่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติได้ยาก ทำให้มีรายได้และอัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงกว่าเดิม แม้จะมีต้นทุนจากการเรียนต่อ แต่ก็สามารถคืนทุนในเวลาไม่กี่ปี อย่างไรก็ดี การเรียนต่ออาจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายสำหรับทุกคน
ดังนั้น การปรับตัวด้านการออมและการลงทุนจึงจำเป็น ซึ่งนอกจากการปรับเพิ่มอัตราการออมแล้ว ชาว Millennials ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ประกันประเภทต่างๆ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในอนาคต และควรพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสมในการลงทุนในตราสารทุน และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดี และที่สำคัญ ควรทำแต่เนิ่นๆ เพื่อจะช่วยให้มีเงินพอใช้จ่ายในวัยเกษียณตามที่ตั้งใจไว้