Site icon Thumbsup

ส่องธุรกิจร้านซักผ้าหยอดเหรียญยุคนี้ ยังน่าลงทุนมากน้อยแค่ไหน?

มองไปทางไหนตอนนี้เราจะเห็นคอนโด อพาร์ทเมนต์ หมู่บ้านจัดสรร งอกงามกันเป็นดอกเห็ด แต่น่าแปลกว่าบริการสาธารณะที่รองรับชุมชนเหล่านี้กลับไม่ค่อยมีเท่าไหร่

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มาแรงในช่วง 2-3 ปีนี้เนื่องจากตอนนี้คนไทยนิยมขึ้นไปอยู่ “บนตึก” ที่มีพื้นที่จำกัด ไม่เอื้ออำนวยให้ซักอบรีดกันสะดวก ผู้ประกอบการทั้งไทยและเทศเลยมองเห็นช่องทางเพื่อสร้างรายได้ใหม่

จริงๆ แล้วธุรกิจร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะแต่ก่อนก็มีคนลงทุนซื้อเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญมาตั้งใต้ตึกเยอะแยะ

แต่ข้อเสียของเครื่องซักผ้าพวกนี้คือมักไม่ได้รับการซ่อมบำรุงสม่ำเสมอทำให้ซักผ้าไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็นอับ แถมยังไม่มีตู้อบซึ่งทำให้พอซักเสร็จก็ต้องขนไปตากบนห้องต่ออยู่ดี

แต่เมื่อปี 2552 Clean Pro Express แฟรนไชส์ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญจากมาเลเซียเริ่มมาเปิดให้บริการซักผ้าหยอดเหรียญ 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกสร้างความตื่นเต้นให้ธุรกิจนี้

เทรนด์ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเติบโตแบบก้าวกระโดดสะท้อนจากจำนวนสาขาราว 350 สาขาซึ่งน่าจะแตะ 400 สาขาภายในสิ้นปี  และการโดดเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่อย่างผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่

ส่องโอกาสธุรกิจร้านซักผ้าหยอดเหรียญ

พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่เน้นความสะดวกสบายเพื่อปลดล็อกให้ตัวเองสนุกับชีวิตได้มากขึ้น และไม่ชอบซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมาก ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 24 ชั่วโมงเข้ามาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยตรง

ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเสียเงินหลักหมื่นซื้อเครื่องซักผ้า วุ่นวายกับการหาอะไหล่ซ่อมบำรุง หรือเสียพื้นที่ในห้องพักให้กับเครื่องซักผ้า

นี่จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่อยากหารายได้เพิ่มจากงานประจำหรือธุรกิจเดิมเพราะไม่ต้องดูแลมาก สามารถทำกำไรให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และส่วนใหญ่คืนทุนภายใน 3 ปี ต่อไปนี้เป็นเหตุผลที่คุณควรสนใจธุรกิจนี้

  1. เป็นธุรกิจในกระแสเนื่องจากมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อปี 2561 มีเพียง 150 กว่าสาขา ผ่านไปปีเดียวมีสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 350 และในอนาคตคาดว่าจะมีร้านสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 500-600 สาขา
  2. เหมาะเป็น Second Job สำหรับคนทำงานประจำหรือมีธุรกิจอื่นอยู่แล้ว เพราะใช้เงินลงทุนไม่มากและมีตัวเลือกการลงทุนหลายขนาด ที่สำคัญไม่ต้องจ้างคนมาคุมร้านเพราะบริการทั้งหมดเป็นอัตโนมัติ
  3. สามารถพ่วงบริการอื่นเข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากร้านผ้านั้นเป็นพื้นที่ที่ลูกค้าต้องมารอ มาใช้เวลาว่าง ดังนั้นจึงอาจเพิ่มบริการขายกาแฟ บริการนวดเท้า หรือบริการอินเตอร์เน็ตอื่นๆ เพื่อเสริมรายได้พิเศษได้อีกด้วย
  4. คนทุกคนต้องใช้เครื่องซักผ้าแต่ pain point ของพวกเขาคือการซักผ้าแบบเดิมๆ ไม่สะอาด ใช้เวลาซักนาน และซักแล้วต้องเอาไปตากต่อ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเข้ามาช่วยอุดช่องว่างตรงนี้ด้วยบริการที่มาตรฐาน เวลาซักไม่นาน และมีเครื่องอบผ้าเพิ่ม กลายเป็น One-stop service ที่คนเมืองใหญ่ขาดไม่ได้ทุกวันนี้

ตอนนี้เรามีแบรนด์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญเข้ามาขายแฟรนไชส์มากมาย อาทิเช่น

Otteri wash & dry

Otteri wash & dry แบรนด์ญี่ปุ่นสุดฮิตที่มีสาขาแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านของไทย อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์

ตลาดหลักคือ กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในชุมชน อพาร์ตเมนต์ คอนโด กลุ่มนักศึกษา คนทำงานทั่วไป ที่ไม่ต้องการลงทุนซื้อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบที่มีราคาแพง

ปัจจุบัน Otteri เป็นผู้นำในตลาดแฟรนไชส์ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญครองส่วนแบ่งตลาดราว 50% ปัจจุบันมีทั้งหมด 155 สาขา เป็นสาขาลงทุนเอง 25 สาขา ถึงสิ้นปีนี้จะมีแฟรนไชส์ 300 สาขา และลงทุนเอง 40 สาขา

เน้นตลาดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 60% ส่วนต่างจังหวัดเน้นเพียง 40%

การลงทุนแฟรนไชส์มี 2 ขนาด คือ ขนาด M พื้นที่ 40 – 50 ตร.ม. เครื่องซักผ้า 5 เครื่อง เครื่องอบ 4 เครื่อง ลงทุน 2.3 ล้านบาท และขนาด L พื้นที่ 60 – 90 ตร.ม. เครื่องซักผ้า 7 เครื่อง เครื่องอบ 6 เครื่อง ลงทุน 2.9 ล้านบาท

Cleanpro Express

แฟรนไชส์ยุคบุกเบิกจากมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 57 สาขากระจายทั่วประเทศไทย จุดเด่นคือ Cleanpro Laundry Holding สำนักงานใหญ่ในมาเลเซียจับมือกับเครื่องซักผ้า LG เพื่อขยายสาขาเพิ่ม

โดยขนาด S ใช้พื้นที่ห้องแถวตั้งแต่ 1 คูหาขึ้นไป มีเครื่องซักอบขนาด 13 กิโลกรัมรวม 10 เครื่อง เงินลงทุน 1.5 ล้านบาท

ส่วนขนาด M มีเครื่องซักอบผ้าขนาด 15 กิโลกรัม 9 เครื่องขณะที่ขนาด L ต้องใช้พื้นที่หน้าร้านกว้าง 5 เมตรขึ้นไป มีเครื่องซักอบผ้าขนาด 9, 14 และ 25 กิโลกรัม รวม 9 เครื่อง


อย่างไรก็ตาม ทำเล ทำเล และทำเล ยังเป็นกุญแจความสำเร็จของธุรกิจนี้ หากคุณไม่ได้อยู่ในแหล่งชุมชนที่มีคอนโด อพาร์ทเมนต์ หรือหมู่บ้านจัดสรรอยู่ใกล้ก็ต้องคิดดีๆ ก่อนลงทุนเป็นล้านเพื่อตั้งธุรกิจนี้