สำหรับผู้ที่ใช้ iPad อยู่แล้วน่าจะเคยได้ใช้งานแอพพลิเคชันที่ชื่อว่า Flipboard กันมาบ้าง ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่แปลงข้อมูลข่าวสารจากหน้าเว็บและโซเชียลมีเดียมาให้อ่านในรูปแบบนิตยสาร และในคราวนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อมีการนำแคตตาล็อกสินค้าของ Levi’s ในคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงมาลงเป็นโฆษณาบน Flipboard
โดยครั้งนี้ Levi’s ขอโฆษณาแบบเนียนๆ ด้วยการส่งแคตตาล็อกเล่มใหม่ไปกับ Feed ข่าวบน Flipboard ตลอดเดือนตุลาคมนี้ พร้อมเปิดให้ผู้อ่านสามารถซื้อหาคอลเลกชั่นล่าสุด รวมถึงแชร์ภาพสินค้าผ่าน Facebook และ Twitter ได้อย่างสะดวก
ทาง Flipboard นั้นได้บอกมาตลอดว่าจะให้เจ้าของสื่อ (Publisher) สามารถลงโฆษณาในข่าวหรือบทความที่เผยแพร่บน Flipboard ได้เหมือนโฆษณาในนิตยสาร ซึ่งจะเป็นสิ่งพิเศษที่ทำให้นักการตลาดสามารถใช้สิ่งนี้เจาะถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้อย่างเสรี ดังนั้น Flipboard จึงสร้างโฆษณารูปแบบใหม่ที่ได้ชื่อเรียกว่า “social catalog” ซึ่งเชื่อว่าเป็นแคตาล็อกสินค้าที่ชาวออนไลน์ทั่วโลกอยากลองเปิดชมกันสักครั้ง
สำหรับ Levi’s แคตาล็อกไฮเทคนี้มีชื่อว่า “Go Forth”?โดยข้อมูลระบุว่าแคมเปญสำหรับ Go Forth นั้นจะใช้เวลาตลอดเดือนตุลาคมนี้บนพื้นที่บน Feed ข่าวบน Flipboard ของ 9 สื่อดัง เช่น : Vanity Fair, Glamour, Details, Elle, Marie Claire, Esquire, ESPN, Fast Company และ Rolling Stone โดยทาง Flipboard นั้นร่วมมือกับ Levi’s และเอเจนซี่อย่าง OMD ในการรวมวิดีโอ, โฆษณา และภาพ สำหรับลงใน Filpboard อย่างลงตัว
นอกจากความร่วมมือของทาง Levi’s และ Flipboard ในครั้งนี้ เราคงจะได้เห็นความร่วมมือในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นอีกบน Flipboard เพราะบริการแอพพลิเคชันอ่านข่าวที่เพิ่งจะครบรอบการเปิดบริการมา 2 ปีได่ไม่นาน และมีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคน และมีการใช้โดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1.5 ล้านคน และมีการพลิกหน้าอ่าน หรือ “Flip” ในแอพพลิเคชันมากกว่า 3 พันล้านครั้งต่อเดือน ตัวเลขทั้งหมดล้วนเป็นตัวเลขน่าตื่นตาสำหรับนักการตลาดบนโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ Flipboard ในการทำการโฆษณาในรูปแบบนี้ ยังมีความเสี่ยง เพราะ Flipboard นั้นเป็นนิตยสารโซเชียลที่อาศัยการดึงข้อมูลที่ผู้ใช้รายอื่นแชร์ในเครือข่ายเป็นหลัก และ 1 ในเครือข่ายอย่าง Twitter ก็เป็นส่วนสำคัญในการทำโฆษณา ซึ่งจุดนี้ ทาง AllThingsD เชื่อว่านโยบายของ Twitter ที่กำลังขยับเข้ามาจัดระเบียบกับคอนเทนต์เต็มตัว อาจรบกวนการเติบโตของ Flipboard เพราะยังไม่มีความแน่ชัดว่า Twitter จะอนุญาตให้แอพพลิเคชันอื่นรวมถึง Flipboard ใช้งาน API ของตัวเองหรือไม่ เนื่องจาก Twitter อาจต้องการลงมาเล่นในตลาดโฆษณาด้วยตัวเอง
ที่มา : AdAge