แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2560 รวมกว่า 12.70 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.36 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9.7 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปี 2559 โดยแอลจีมีรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ซึ่งเป็นผลจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ อยู่ที่ 798.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.74 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้แอลจีมีรายได้จากการดำเนินงานประจำไตรมาสสูงที่สุดในรอบ 8 ปี
โดยยอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศของ LG ประจำไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2559 และเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.38 แสนล้านบาท) โดยมีผลประกอบการอันโดดเด่นในตลาดเอเชียและลาตินอเมริกา ในขณะที่ยอดขายในประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึง 33 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบปีต่อปี ด้วยผลประกอบการที่เติบโตในหลายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องซักผ้า LG TWINWash, เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น รวมถึงสินค้าพรีเมียมใหม่ล่าสุดของบริษัทอย่าง LG Styler เครื่องอบผ้าอัจฉริยะ พร้อมระบบดูแลจัดการเสื้อผ้า และเครื่องฟอกอากาศทรงประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทได้คาดการณ์ว่าภาพรวมของธุรกิจจะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียและลาตินอเมริกา ซึ่งนับเป็นสองภูมิภาคสำคัญที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 8.8 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 3.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 1.29 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เพิ่มมากขึ้น การปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์เพื่อจัดการต้นทุนชิ้นส่วนหน้าจอโทรทัศน์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยบริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการในการซื้อโทรทัศน์ในไตรมาสถัดไปยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี จากโอกาสทางธุรกิจในทวีปอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกาและเอเชีย ซึ่งสินค้าระดับพรีเมียม LG OLED TV และUltra HD TV รวมถึงสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง LG SIGNATURE OLED TV W ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ เผยรายได้รวม 2.61 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.97 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมาจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง LG G6 และโทรศัพท์มือถือรุ่นอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคส่วนใหญ่ สำหรับปริมาณการส่งออกโทรศัพท์มือถือไปยังประเทศต่างๆ อยู่ที่ประมาณ 14.8 ล้านเครื่องในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดใหญ่จะอยู่ที่ทวีปอเมริกา
ในขณะที่การปรับโครงสร้างของบริษัทเมื่อปีที่ผ่านมาเริ่มที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าการแข่งขันทางด้านราคาในสินค้าระดับกลางถึงล่าง และการแข่งขันในโทรศัพท์มือถือเรือธงรุ่นอื่นๆ จะรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปีนี้
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ มียอดขายอยู่ที่ 759.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.61 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสแรกของปี 2559 จากความสำเร็จในการร่วมมือกับเจเนอรัล มอเตอร์ส เปิดตัว Bolt เครื่องยนต์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยบริษัทยังคงมุ่งลงทุนในด้านการคิดค้นวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มผลกำไรในปีนี้
สำหรับแอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย 4 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นด้านพลังงาน ขณะที่ในระดับโลกนั้น แอลจีเป็นผู้นำด้านการผลิตทีวีจอแบน อุปกรณ์ภาพและเสียง อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็นภายใต้สโลแกน “Life’s Good”