LINE เปิดความสำเร็จโปรแกรมพาร์ทเนอร์ชิปกับ 7 ดิจิทัลเอเจนซี สร้าง LINE@ เติบโตจากยอดลูกค้า SME ที่มี 1 ล้านรายเมื่อสิ้นปี 2016 เป็น 1.8 ล้านรายในปีนี้ ขณะที่ยอดการเติบโตแบบเดือนต่อเดือนอยู่ที่ 17% เลยทีเดียว
อาจกล่าวได้ว่า การเติบโตที่น่าสนใจนี้เป็นความสำเร็จของแผนรุกตลาด LINE@ ที่เน้นเจาะกลุ่ม SME ตลอดปี 2017 ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือกับดิจิทัลเอเจนซีที่ร่วมเป็นพันธมิตรทั้งสิ้น 7 รายได้แก่ Egg Digital, GMOz, Itopplus, Kidwadee, Ready Planet, Sellsuki และ Webnetics โดยปรากฏว่าตัวเลขผู้ใช้ LINE@ ปัจจุบันเติบโตเป็น 1.8 ล้านรายแล้ว ขณะที่ยอดการเติบโตเมื่อเทียบเดือนต่อเดือนนั้นอยู่ที่ 17% เลยทีเดียว ซึ่งในจุดนี้หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจ SME ไทยที่มีประมาณ 2.8 ล้านราย (อ้างอิงข้อมูลจาก สสว.) ก็ถือว่าด้วยกลยุทธ์ LINE@ ประสบความสำเร็จและเข้าถึงผู้ประกอบการได้แล้วเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนการใช้งาน LINE@ ของธุรกิจ SME พบว่าอันดับท็อปทรีที่มีการใช้งานมากที่สุดนั้นประกอบด้วย Fashion & Accessories, Health & Beauty และ Food & Beverage
โดยคุณบุรินทร์ เกล็ดมณี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Ready Planet ในฐานะเอเจนซีที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของโปรแกรมพาร์ทเนอร์ชิปกับทาง LINE@ เผยว่า LINE@ ช่วยได้หากธุรกิจมีความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่ดี
“ปัจจุบันมีธุรกิจมากขึ้นที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ แต่รูปแบบการซื้อขายบนโลกออนไลน์นั้น ไม่ใช่ว่าเรามีเว็บไซต์ แล้วลูกค้าเข้ามาที่ซื้อของกันที่เว็บไซต์เลย สำหรับตลาดไทย ลูกค้าจำนวนมากจำเป็นต้องมีการพูดคุยทำความรู้จักกับผู้ค้าก่อน ซึ่งความเคยชินก็คือ จะ Add LINE กันจากนั้นก็เข้าไปคุยกันใน LINE ต่อ ซึ่งการที่ธุรกิจหันมาใช้ LINE@ นอกจากจะสามารถใช้ LINE@ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแล้ว ยังสามารถใช้แจ้งข้อมูลข่าวสาร อัปเดตต่าง ๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วย”
นอกจากนั้น การใช้บริการ LINE@ ผ่านทางเอเจนซี ก็จะมีบริการพิเศษอื่น ๆ รองรับด้วย เช่น กรณีของ Ready Planet มีการจัดอบรมการใช้งาน, มีคอลล์เซ็นเตอร์ให้คำปรึกษา รวมถึงการนำ LINE@ ไปพ่วงกับสื่อดิจิทัลอื่น ๆ ที่ช่วยให้การใช้สื่อออนไลน์ของธุรกิจ SME แข็งแรงขึ้น โดยเอเจนซีที่จะเข้ามาอยู่ในโปรแกรมนี้ได้จะต้องมี Certified Trainer เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ LINE@ โดยตรงอย่างน้อย 1 คนนั่นเอง
“เราพบว่าร้านค้าที่ได้ประโยชน์จาก LINE@ มากที่สุดคือ ร้านค้าที่มีฐานลูกค้าประจำ หรือร้านค้าที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำบ่อย ๆ ดังนั้น ถ้าคุณเป็นธุรกิจในกลุ่มนี้ ผมว่าควรใช้ LINE@” คุณบุรินทร์กล่าว
ความน่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ ในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการ SME ทั้ง 2.8 ล้านรายนี้มีมูลค่าในจีดีพีของประเทศอยู่ที่ 42% และด้วยนโยบาย Thailand 4.0 ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการก้าวสู่ธุรกิจดิจิทัล ทำให้มีการคาดการณ์ว่า สัดส่วนจีดีพีของธุรกิจ SME นี้จะเติบโตขึ้นจนมีมูลค่าเกิน 50% ภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย ซึ่งการจะเติบโตไปสู่ตัวเลข 50% ของจีดีพีนั้น LINE จึงมองว่าเครื่องมืออย่าง LINE@ สามารถช่วยผู้ประกอบการได้ในหลาย ๆ ด้าน
คุณสกุลรัตน์ ตันยงศิริ หัวหน้าธุรกิจ LINE@ ประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา LINE มองเห็นความต้องการในจุดนี้ จึงได้พัฒนา LINE@ Partnership Program ขึ้นมา เพื่อหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง มาเติมเต็มช่องว่าง และช่วยสนับสนุนความต้องการของ SME ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน LINE@ และการทำตลาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ในปี 2018 ทางบริษัทมีแผนจะเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ประกอบการทั่วประเทศด้วย
สำหรับแอปพลิเคชัน LINE นั้น ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 41 ล้านคนจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด 44 ล้านคน และคนไทยมีพฤติกรรมการใช้งาน LINE เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 70 นาทีจากปริมาณการใช้งานทั้งวันที่ 234 นาที