LINE Stickers ครบรอบ 7 ปี เผยข้อมูลที่น่าสนใจ พบจำนวนสติกเกอร์จากคนไทย มีมากถึง 2.2 ล้านเซ็ท คิดเป็น 1 ใน 3 ของสติกเกอร์ที่มีอยู่ทั่วโลก ชู 3 กลยุทธ์หลัก คือ (1)โฟกัส Custom Stickers (2) เพิ่มช่องทางการชำระเงินให้มากขึ้น (3) สร้าง Loyalty ด้วยระบบสะสมแต้มและ LINE COIN รวมถึงเปิดให้แลกพอยท์จากแพลตฟอร์มอื่นๆ มากขึ้น
กณพ สุภมานพ ผู้อำนวยการธุรกิจสติกเกอร์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมี Sticker ที่ขายจาก Creator หรือนักออกแบบสติกเกอร์ทั่วโลกเป็นจำนวนเป็น 6 ล้านเซ็ท ส่วนในประเทศไทย มีอยู่ที่ 2.2 ล้านเซ็ท ประมาณ 1 ใน 3 (35%) ของสติกเกอร์ที่มีอยู่ทั่วโลก
ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวน Creators 480,000 ราย (ข้อมูลเมื่อ มิถุนายน 2562) โดยในเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนอยู่ที่ 316,800 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นเป็นตลาด Stickers ที่โตเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและไต้หวัน
โดยที่ผ่านมามีไลน์สติกเกอร์ฝีมือคนไทยกว่า 28 คาแรคเตอร์ที่ได้ไปประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ และสามารถสร้างมูลค่าต่อยอดนอกเหนือจากสติกเกอร์ ไปได้เป็นที่เรียบร้อย เช่น การขายไลเซนส์
นอกจากนี้ ข้อมูลของ LINE ยังระบุว่า ผู้ซื้อสติกเกอร์และธีมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 25-35 ปี หากดูแยกกันจะพบว่า ผู้หญิง (60%) ซื้อสติกเกอร์มากกว่าผู้ชาย (40%) และธีมมียอดซื้อจากผู้หญิง (80%) มากกว่าผู้ชาย (20%) อย่างชัดเจน
ข้อมูล Insight อื่นๆ ที่น่าสนใจจาก LINE Stickers มีดังนี้
- มี Creator ที่โกอินเตอร์จากการซื้อไลเซนส์จำนวน 28 ราย
- มีสติกเกอร์จากคนดังและพาร์ทเนอร์มากกว่า 100 Set แล้ว
- จากรายได้ทั้งใน LINE Stickers มีรายได้จาก Theme มากถึง 45% ในปี 2562 (จากปีที่แล้วมีเพียง 30%)
- พบในปี 2562 แต่ละคนมี LINE Stickers สะสมเฉลี่ย 65 Set โดยเป็น Sticker ที่กดซื้อเองจำนวน 20 Set
รูปแบบสติกเกอร์ใหม่ๆ กระตุ้นความสนใจผู้ใช้
LINE ยืนยันว่า Stickers นอกจากช่วยให้การสื่อสารชัดเจนยิ่งขึ้นแล้ว ยังตอบโจทย์ในด้าน Marketing ของค่ายเพลง ศิลปิน ดารา รายการทีวี และอีกหลายภาคธุรกิจ โดยระบุว่า “เป็นเหมือนมีเดียที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงมากขึ้น”
ล่าสุด LINE เปิดตัวสติกเกอร์รูปแบบใหม่อย่าง Big Sticker สติกเกอร์ที่แสดงเต็มจอ และ Custom Sticker สติกเกอร์สามารถเปลี่ยนคำในสติกเกอร์ได้ตามที่ต้องการ โดยเตรียมจับมือกับพาร์ทเนอร์อื่นๆ บ้างแล้ว เพื่อให้มี Custom Sticker ที่หลากหลายมากขึ้น
รูปแบบ LINE Stickers
LINE ระบุว่าการออกสติกเกอร์ใหม่ออกมา เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่กระตุ้นความสนใจของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดการสติกเกอร์ในหลายรูปแบบที่ออกมา
ปัจจุบัน สติกเกอร์ไลน์มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่
- สปอนเซอร์สติกเกอร์ที่แจกฟรี
- สติกเกอร์จัดจำหน่าย ที่มี 2 รูปแบบ ได้แก่ ออฟฟิเชียลสติกเกอร์ที่เป็นสติกเกอร์คาแรคเตอร์ชั้นนำ สติกเกอร์ศิลปิน
- สติกเกอร์จัดจำหน่ายบน LINE CREATORS MARKET ที่เป็นพื้นที่จำหน่ายสติกเกอร์ที่เปิดกว้างให้กับครีเอเตอร์ทั่วไป ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด
โดย LINE Stickers นับเป็น 1 ใน 3 ธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับ LINE ประเทศไทย
รูปแบบสติกเกอร์ที่เพิ่มเข้ามา
- ปี 2554 – Static Stickers
- ปี 2556 – Theme
- ปี 2558 – Sound Stickers
- ปี 2559 – Pop-up Stickers
- ปี 2560 – Music Stickers
- ปี 2561 – Emoji
- ปี 2562 – Big Stickers และ Custom Stickers
ช่องทางชำระเงินที่หลากหลายคือหัวใจของการเติบโต
LINE เล่าต่อว่าอีกเหตุผลตลาดสติกเกอร์ยังเติบโต ก็มาจากการเพิ่มช่องทาง (Channel) ชำระเงินเพื่อซื้อสติกเกอร์ออกมาให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
“LINE ประเทศไทยสร้างความง่ายให้แก่ผู้ใช้ ด้วยการทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย” กณพ กล่าว
รูปแบบการชำระเงินที่เพิ่มเข้ามา
ปี 2556 – เปิดตัว LINE STORE สำหรับซื้อขายสติกเกอร์
ปี 2557 – เปิดตัวช่องทางการชำระเงินผ่านการตัดยอดบิลรายเดือนของ AIS และ Dtac รวมถึงสามารถชำระเงินได้จากการนำรหัสบนบัตร LINE PREPAID CARD ที่ซื้อมา
2559 – เปิดให้ชำระเงินได้จากระบบ Rabbit LINE Pay บริการชำระเงินของ LINE ที่ร่วมมือกับ Rabbit ของ BTS
2560 – เปิดให้ซื้อสติกเกอร์ได้จากตู้บุญเติม ถือเป็นครั้งแรกที่สามารถซื้อ LINE Stickers ได้ด้วยเงินสดเป็นครั้งแรกของโลก เพราะแม้แต่ในญี่ปุ่นหรือไต้หวันก็ไม่มีรูปแบบการชำระเงินแบบนี้
2561 – เปิดให้ซื้อสติกเกอร์ได้จากตู้เติมสบาย และเปิดตัว LINE Stickers Verified Reseller ชูจุดขายไม่ถูกโกง สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ตรวจสอบประวัติการซื้อขายในทั้งในอดีต-ปัจจุบันอย่างละเอียด ปัจจุบัน (ปี 2562) มีตัวแทนอยู่ 80 ราย ตั้งเป้ามีตัวแทน 500 ราย
“มีคนฝากซื้อสติกเกอร์ ผ่านแม่ค้าพ่อค้าสูงมาก ไม่ใช่ซื้อไม่เป็น แต่ชิน เพราะแคปแล้วส่งมันง่าย หลายประเทศไม่มีพฤติกรรมแบบนี้” กณพ เล่าถึง Insight การซื้อสติกเกอร์ของคนไทย
2562 – LINE พยายามนำการซื้อสติกเกอร์สามารถทำได้จากพาร์ทเนอร์ ล่าสุดผู้ใช้สามารถนำ AIS Point มาแลกซื้อสติกเกอร์บน my AIS ได้แล้ว และทำให้หลายแบรนด์เริ่มสนใจอยากนำพอยท์ของตัวเองมาแลกซื้อสติกเกอร์ได้
นอกจากนี้เตรียมจะมีการเปิดตัวช่องทางการชำระเงินใหม่ๆ ที่ร่วมมือกับ LINE Stickers อีกสองรายในเร็วๆ นี้
กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง
1. โฟกัส Custom Stickers ให้มากขึ้น – โดยร่วมมือ Partner และ Creator เพื่อทำให้สติกเกอร์สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งจากการเปิดตัว Custom Stickers เพียง 1 ตัวก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก
2. สร้าง Loyalty – เตรียมนำฟีเจอร์ใน LINE Official Account อย่างระบบสะสมแต้ม (Collective Card) หรือทำให้การกดซื้อสติกเกอร์แล้วได้ LINE COIN แบบทันทีเลย รวมถึงมีแผนเชื่อมระบบ LINE Stickers เข้ากับระบบจัดการลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) ของ Partner หรือ Creator
โดยเตรียมออกแคมเปญกระตุ้นยอดการซื้อสติกเกอร์ เปิดผู้ใช้งานที่ซื้อสติกเกอร์ Partner หรือ Creator ตามที่กำหนด จะได้รับ LINE COIN ทันที (จากเดิมที่ต้องรอรับ LINE COIN) โดยแคมเปญจะออกมาในช่วงสิ้นเดือนนี้
3. เพิ่มช่องทาง (Channel) การชำระเงินให้มีมากขึ้น – LINE พบว่าทุกครั้งที่เปิด Channel ใหม่ๆ จะมีคนซื้อสติกเกอร์เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงนำบริการตัวเองออกไปอยู่ในแพลตฟอร์มอื่นๆ มากขึ้น เช่น อาจนำ Point จากระบบอื่นมาซื้อสติกเกอร์ได้
ดึงศิลปินอิสระร่วมทำธีม LINE ใหม่ๆ
นอกจากนี้ LINE Stickers ตั้งเป้าเป็นพื้นที่สนับสนุนศิลปินอิสระ จะร่วมมือกับ พิชัย แก้ววิชิต คนขับมอเตอร์ไซค์ที่มี Gallery ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางแสดงผลงาน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการออกธีมน่ารักๆ เป็นแนว Unisex ที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถใช้งานได้
รวมถึงจะเปิด Free Workshop 4 จังหวัด ที่กรุงเทพ, ภูเก็ต, พิษณุโลก และอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดที่ไม่เคยไปมาก่อน เพื่อสร้าง Creator หน้าใหม่จากเมืองรอง หวังให้มีผู้สร้างใหม่ๆ ส่งสติกเกอร์เข้ามาขายในระบบ
รวมทั้งยังคงจัดการประกวดในชื่อ LINE Stickers Award 2019 ถือเป็นการจัดประกวดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ผู้ชนะจะได้ไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ LINE ญี่ปุ่น เพื่อให้กำลังใจแก่เหล่า Creator ต่อไป