Social Network สำหรับคนทำงาน LinkedIn ประกาศผลประกอบการสิ้นไตรมาส 2 ว่า มีรายได้ทั้งหมด 121 ล้านเหรียญ เติบโต 120% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2553? ที่มีรายได้ ณ ตอนนั้น 54.9 ล้านเหรียญ แต่ต้นทุนของ LinkedIn คงเยอะทีเดียวครับ เพราะเขาบอกว่ามีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ 4.5 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขาดทุนประมาณ 4 เซนต์ต่อหุ้น และจะมีรายได้ 104.5 ล้านเหรียญ
Jeff Weiner ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่า? ?ในไตรมาสที่ 2 เราเห็นจำนวนผู้ใช้ จำนวนเพจวิวมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่รายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เราวางแผนที่จะลงทุนในทีมของเรา เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าและมอบให้กับสมาชิกให้ใช้งานแพลตฟอร์มของ LinkedIn ได้เต็มประสิทธิภาพ?
เท่าที่ผมอ่านดู รายได้ของ LinkedIn ส่วนใหญ่มาจากระบบ Hiring Solutions ที่ช่วยให้ HR แต่ละบริษัทหาคนทำงานไปร่วมบริษัทสูงถึง 58.6 ล้านเหรียญ เติบโตขึ้น 170% และนับเป็น 48% ของรายได้หลักของบริษัท? นอกจากนี้ก็มีรายได้จาก Marketing Solutions 38.6 เติบโตขึ้น 111% จากปีที่แล้ว ตามมาด้วยรายได้จาก Premium Subscriptions (เช่น ใครสมัครเป็นสมาชิกแบบจ่ายรายเดือนก็จะเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่า) อีก 23.9 ล้านเหรียญ เติบโตจากปีที่แล้ว 60% สรุปรวมเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว 82.7 ล้านเหรียญ นับเป็น 68% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 38.3 ล้านเหรียญมาจากประเทศอื่นๆ ซึ่งนับเป็นสัดส่วน 32% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสนี้
การเติบโตของ LinkedIn บอกอะไรกับเรา? ผมว่ามันมีอยู่ 3-4 นัยยะ
1. Business Model ของ Social Network ไม่ใช่สิ่งฉาบฉวย แต่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้แล้วว่าสร้างกำไรได้จริง ไม่ใช่เพียงอาศัยฟองสบู่ เอาเงินของ Venture Capital มาปั่นหุ้นแล้วปล่อย IPO เติบโตไปเรื่อยๆ แล้วจบไป
2. ธุรกิจออนไลน์สมัยนี้มักจะเติบโตระดับนานาชาติเร็วขึ้น สังเกตสิครับ LinkedIn เพิ่งปล่อย IPO มาก็รุกต่างประเทศแล้ว และมีรายได้จากต่างประเทศค่อนข้างมาก รายได้ 32% มาจากต่างประเทศ ไม่เลวเลยล่ะ
3. ใครที่เคยคิดว่าการทำผลิตภัณฑ์ออนไลน์ แล้วเก็บเงินผู้ใช้ไม่ได้อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะรายได้บางส่วนของ LinkedIn ก็มาจาก Premium Subscriptions ตราบใดที่การสมัครนั้นมีผลประโยชน์ให้สมาชิกชัดเจน อย่างการสมัคร LinkedIn จะทำให้คุณเห็นข้อมูลดีๆ มากขึ้น
4. ความเห็นของคุณล่ะครับ?
ที่มา: TechCrunch