อั้ม พัชราภานั้นเป็นเบอร์ 1 บนโลก Instagram มานาน พอแชมป์เปลี่ยนมือมาเป็นลิซ่า จึงเกิดเสียงฮือฮาเหมือนตอนที่ Huawei ขึ้นมาแทน Apple
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวโซเชียลไทยหลายคนตื่นเต้นกับข่าว “ลิซ่า Blackpink” แซง “อั้ม พัชราภา” ขึ้นแชมป์ 10 อันดับชาวไทยที่มีคนติดตามมากที่สุดบน Instagram ข่าวนี้ทำให้เกิดดราม่าที่สะท้อนความจริงหลายอย่างในสังคมโซเชียลสัญชาติไทย ซึ่งไม่แน่ ความจริงนี้อาจมีอิมแพคไม่แพ้กรณี “Huawei แซง Apple” ขึ้นอันดับ 2 แบรนด์มือถือขายดีสุดในโลกช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา
15 พฤศจิกายน 2561 คือวันที่ทำเนียบ 10 อันดับชาวไทย ที่มีคนติดตามมากที่สุดบน Instagram มีการเปลี่ยนแปลงแชมป์ โดย ”ลิซ่า ลลิษา” ขึ้นที่หนึ่งแทน “อั้ม พัชราภา” หลังจากยอดติดตามใน IG ของลิซ่าทะยานเพิ่มขึ้นวันละ 3-4 หมื่นฟอลโลว์ต่อวันต่อเนื่องในเวลาไม่กี่เดือนที่ลิซ่าเพิ่งเปิด IG ทำให้สามารถแซงหน้าอั้มที่มีฐานฟอลโลว์เพิ่มขึ้น 3-4 พันคนต่อวัน น้อยกว่าลิซ่าหลายเท่าตัว
การขึ้นแชมป์ของลิซ่าเป็นไปตามที่หลายคนคาด ว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ 2561 ทั้งที่ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ลิซ่าเพิ่งจะยืนอยู่ที่อันดับ 14 ด้วยยอดติดตาม 6.1 ล้านคน แต่สามารถเพิ่มเป็น 7.3 ล้านคนในช่วงต้นเดือนกันยายน
ดราม่าแรกที่สามารถสัมผัสได้ คือเสียงที่บอกว่าลิซ่านั้นโด่งดังระดับโลก แต่อั้มโด่งดังระดับประเทศ แฟนคลับยืนยันว่าความนิยมของทั้ง 2 สาวนั้นไม่สามารถเทียบกันได้ บางคนใช้คำว่า “ชื่อเสียงคนละ scale เทียบแบบนี้ก็ไม่แฟร์กับอั้ม” เพราะอั้มมีชื่อเสียงภายในไทย แต่ลิซ่าเป็นศิลปินไทยที่โด่งดังผ่านเกาหลี ชื่อเสียงจึงกระจายไปทั่วเอเชีย ไม่แปลกที่ยอดติดตามของลิซ่าจะพุ่งกระฉูด
อย่างไรก็ตาม ชาวโซเชียลไทยเชื่อว่าการเทียบอันดับลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ต่างจากที่ Selena Gomez ทำยอดติดตาม IG แซง Taylor Swift ขึ้นที่ 1 ของโลกจนเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ครั้งนั้น Selena ลงคลิป Queen of Instagram ด้วยความดีใจตั้งแต่ยอดแซง Taylor หลักพันเท่านั้น แต่ก็ไม่มีแฟนคลับหรือใครต่อต้าน Selena เพราะเรื่องการแบ่งสเกลเพื่อเทียบฐานผู้ติดตามให้เป็นธรรม
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่สรุปได้คือสถิติยอดติดตามของลิซ่าแซงอั้มแบบไม่ต้องสงสัยใน IG แถมลิซ่ายังเพิ่งได้รับไฟเขียวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน โดยทางค่ายเริ่มอนุญาตให้ลิซ่าเปิด YouTube Channel ของตัวเอง สถิติน่าสนใจคือ การตัดต่อคลิปวีดิโอเดินเที่ยวในญี่ปุ่นกับเพื่อนสมาชิกในวง Blackpink แล้วมาเผยแพร่เพียงคลิปเดียวนั้น ทำให้มีผู้ติดตาม Channel ทะลุ 502,000 รายแล้วในเวลา 1 สัปดาห์
สถิตินี้ยืนยันชัดเจนว่าลิซ่านั้นเติบโตได้น่าประทับใจ เหมือนกับที่ “ไรอัน รีธ” นักวิเคราะห์การตลาดจากไอดีซี เคยกล่าวว่าการเติบโตของหัวเว่ยนั้นน่าประทับใจตรงที่หัวเว่ยเป็นแบรนด์ที่สามารถรุกตลาดใหม่และจำหน่ายสินค้าของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แม้เป็นจะเป็นยี่ห้อที่คนเพิ่งจะรู้จัก
แต่เมื่อเครื่องติดแล้ว วันนี้ Huawei ลุยเต็มสูบจนสามารถทำยอดขายได้โดดเด่น Huawei เป็นที่รู้จักและเริ่มปูพรมขยายอาณาจักรไม่ต่างจากที่ลิซ่าทำในช่วงเวลานี้ ผลคือแม้จะมีการโพสต์ภาพและวิดีโอไม่ถึง 120 โพสต์ ผู้ติดตามของลิซ่าก็มีมากกว่าอั้มที่โพสต์วิดีโอและภาพเกินหลัก 5 พันโพสต์ในช่วงปี 2018
กรณีนี้ตอกย้ำชัดเจนว่าจำนวนโพสต์ไม่มีผลต่อยอดฟอลโลว์ ซึ่งการสำรวจสถิติชี้ว่าบัญชีที่มีการโพสต์มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะมีแรงดึงยอดฟอลโลว์ได้มากกว่าเสมอไป
สิ่งที่เราต้องรอลุ้นกรณีของลิซ่าและอั้ม คือลิซ่าจะเป็นแชมป์ที่มาไวไปไวหรือไม่ เนื่องจากอั้มนั้นครองแชมป์มานานหลายปี เหมือนกับที่ Apple ครองอันดับ 2 สมาร์ทโฟนโลกมานานหลายปีเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าอย่างไร แฟนคลับสุดโต่งของทั้ง 2 ขั้วมีโอกาสที่จะไม่สามารถจูนกันได้ เหมือนกับที่สาวก Apple ก็จะชื่นชม Apple มากกว่า Huawei
ด้านลิซ่าเอง โอกาสทองที่รอลิซ่าอยู่นั้นไม่ต่างจากโอกาสของ Huawei ที่สามารถโกยเงินเข้ากระเป๋าและมีช่องทางเติบโตอีกมากในตลาดไทยและตลาดโลก วันนี้ Huawei มีอิมแพคต่อตลาดสมาร์ทโฟนทุกระดับในไทย ซึ่งกรณีของลิซ่า อิมแพคอาจจะยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างน่าจับตาในปีหน้าก็ได้