บริการนี้ไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาให้บริการในไทยเมื่อไหร่นะคะ แต่ Cainioa Network (ไช่เหนี่ยว) เป็นอีกหนึ่งบริษัทโลจิสติกส์ภายใต้อาลีบาบา กรุ๊ป ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวความเป็นโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่จะเปิด 5 แห่งทั่วโลก และเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีที่นำมาใช้งานจะสามารถสร้างความสะดวกสบายให้แก่การค้าในประเทศจีนและทั่วโลก
สำหรับการจัดแสดงโซลูชั่นของไช่เหนี่ยวนั้น ไม่ธรรมดาเลย หากรับชมในคลิปประกอบ เพราะภายในคลังสินค้านั้น นอกจากจะมีโกดัง สำนักงานและร้านค้าอัจฉริยะแล้ว ยังมีการนำ AI, edge computing และ Lora IOT มาใช้ช่วยอำนวยความสะดวกในศูนย์นี้ด้วย เพื่อให้ศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่เมืองอู๋ซีแห่งนี้มีความอัจฉริยะมากที่สุด
ภายในคลังสินค้าฟิวเจอร์พาร์คน้ัน ใช้ระบบสายพานอัตโนมัติพร้อมแขนหุ่นยนต์ รวมทั้งหุ่นยนต์แบบ AGV (Automatic Guided Vehicles) กว่า 500 ตัว สำหรับการหยิบและแพ็คสินค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คาดว่าการใช้ระบบอัตโนมัตินี้จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานถึงได้ถึง 50,000 ขั้นตอน/คน/วัน
นอกจากนี้ ภายในคลังสินค้ายังใช้เซนเซอร์อินฟราเรด ที่สามารถระบุความสูงของกองสินค้าคงคลัง และใช้กล้องในการคำนวณความสามารถในการบรรจุของคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็วเพื่อการจัดการสินค้าคงคลังที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกมากเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการจัดส่งนาทีสุดท้ายและลดปริมาณขยะ ไม่ว่าจะเป็น
- ไช่เหนี่ยว บ็อกซ์ mujสามารถรับแพ็คเกจผ่านการจดจำใบหน้าของผู้ส่งสินค้าในขณะที่ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ทั้งอุณหภูมิของกล่องอัจฉริยะยังสามารถปรับได้ผ่านแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ ในกรณีที่มีผลิตภัณฑ์อาหารที่ต้องเก็บรักษาในความร้อนหรือเย็น
- หุ่นยนต์ G Plus ของ ET Lab มีระบบนำทางแบบมัลติเซนเซอร์สำหรับการจัดส่งในช่วงสุดท้าย นอกจากนี้ ET Lab จะนำ G Plus เข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อจัดจำหน่ายภายในปีนี้อีกด้วย
ส่วนการประกาศเปิดฮับ 5 แห่งระดับโลกนั้น ประกอบด้วย ดูไบ หางโจว กัวลาลัมเปอร์ ลีแยฌ (ประเทศเบลเยี่ยม) และ มอสโคว ซึ่งเดินหน้าจัดการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการทำธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดเล็ก ให้สามารถขายสินค้าได้ทั่วโลกและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า
และตอนนี้ ไช่เหนี่ยวก็เปิดให้บริการส่งสินค้าไปแล้วยัง 30 เมืองในต่างประเทศครอบคลุม 6 ประเทศและภูมิภาค ให้ถึงมือผู้รับใน 5 วัน หากฮับที่กำลังสร้างทั้ง 5 แห่งสำเร็จคาดว่าจะส่งสินค้าไปได้กว่า 100 เมือง ในระยะเวลาเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น
แน่นอนว่า หากมีการขยายบริการมาสู่ประเทศไทย ก็คงทำให้การส่งสินค้าไปยังต่างประเทศทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน