ในขณะที่ประเทศไทย มีจำนวนสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางค์แบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เรียกว่าในแต่ละปีจะมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้น หลักร้อยแบรนด์ แต่ผู้นำตลาดในกลุ่มสินค้าความงามอย่าง L’OREAL Group ยังมีทิศทางรายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562
ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2562 พบว่ายังเป็นการเติบโตครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงกว่า 10 ปีนี้ ด้วยตัวเลข +7.3% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาดความงาม โดยครั้งนี้เป็นปีที่ 2 ที่ ลอรีอัลมีอัตราการเติบโตสูงสุดในประวัติการณ์
นอกจากนี้ ทุกแผนกของลอรีอัล ถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกผลิตภัณฑ์ความงามกลุ่มพรีเมียม และ แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ที่มีอัตราการเติบโตตัวเลขสองหลัก
สำหรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ความงามพรีเมียม ขับเคลื่อนโดย 4 แบรนด์ใหญ่ 4 ได้แก่ Lancome, Yves Saint Laurent,Giorgio Armani และ Kiehl’s
ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงได้รับอานิสงค์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในรูปแบบความงามแบบสุขภาพดี และมีการเติบโตที่สมดุลทุกภูมิภาค ในส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคนั้น ผลประกอบการมีการพัฒนาดีขึ้นในแต่ละไตรมาส ด้วยการผลักดันจากความสำเร็จของ L’OREAL Paris ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามอันดับหนึ่งของโลก ขณะเดียวกันแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพยังอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนธุรกิจ
เมื่อมองในส่วนภูมิภาคนั้น เห็นได้ว่าตลาดใหม่ (new markets) มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะโซนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันได้ขยับขึ้นมาเป็นโซนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของบริษัท ประเทศจีนยังคงระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามต่างก็เติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก ในโซนอเมริกาเหนือมีการชะลอตัวในตลาดเมคอัพ ส่วนในยุโรปตะวันตกยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นในขณะที่ภาพรวมตลาดยังมีความซบเซา
ดิจิทัล เพิ่มโอกาสใหม่
ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโต และช่วยความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้บริโภคให้แน่นแฟ้นขึ้น ในส่วนการเติบโตช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้น มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง +48.5% โดยมีสัดส่วนเป็น 13.2% ของยอดขายทั้งหมด ช่องทางธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต โดยการเติบโตขึ้น +21.2%
นอกจากนี้ ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ +12.1% และสร้างสถิติใหม่ในอัตรากำไรสุทธิที่ 19.5% กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 7.2% ท่ามกลางความผันผวนแม้ครึ่งปีแรกจะทำภาพรวมรายได้ที่ดีและมั่นใจว่ายังคงมีทิศทางรายได้สูงกว่าตลาด ทำให้สิ้นปีมียอดขายและกำไรในแง่บวกอีกปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารของลอรีอัลยังตัดสินใจซื้อหุ้นคืน มูลค่าสูงถึง 750 ล้านยูโร ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 จะยกเลิกหุ้นที่ซื้อคืนทั้งหมด
ส่องรายได้ตามกลุ่มผลิตภัณฑ์
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ เติบโต +2.5%
ส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผลักดันการเติบโตมากที่สุด และมีแบรนด์ Kérastase เป็นกำลังสำคัญ
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค เติบโต +3.1%
ลอรีอัล ปารีส ยังเป็นแบรนด์ที่คงการเติบโตที่ดี ผลักดันโดยผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวหน้า Garnier เติบโตจากผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิว จาก Micellar Cleansing Water และแผ่นมาส์กหน้า ที่เติบโตไปทั่วโลก โดยภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนคือโซนเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เติบโต +13.2%
4 แบรนด์ท๊อปของแผนกยังคงความคึกคักในตลาดอย่างต่อเนื่อง และเติบโตตัวเลขสองหลักอีกครั้งในครึ่งปีแรก โดยผลักดันจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม Génifique และ Absolue ที่เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ Lancôme และจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม Ultra Facial และ Calendula จากแบรนด์ Kiehl’s ในส่วนแบรนด์ Giorgio Armani และ Yves Saint Laurent ประสบความความสำเร็จในผลิตภัณฑ์กลุ่มลิปสติก ได้แก่ Lip Maestro และ Rouge Pur Couture The Slim และกลุ่มน้ำหอม Sì และ Black Opium ภูมิภาคที่เติบโตแข็งแกร่งที่สุดคือเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในประเทศจีน และในช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เติบโต +13.6%
ทุกภูมิภาคต่างมีส่วนผลักดันการเติบโต โดยมีโซนเอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา ที่มีผลประกอบการดีเป็นพิเศษ และทุกแบรนด์หลักล้วนมีส่วนช่วยในการเติบโต โดยแบรนด์ La Roche-Posay เติบโตด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย ด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ Hyalu B5 แบรนด์ Vichy ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ติดดาวอย่าง Minéral 89 ส่วนแบรนด์ CeraVe สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกๆ ภูมิภาค
ภูมิภาคตลาดใหม่
ด้านภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เติบโตเพิ่มขึ้น 24.3% ทุกแผนกประสบความสำเร็จในการเติบโตในตัวเลขสองหลัก โดยแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง มีการดำเนินงานที่โดดเด่นที่สุด การเติบโตยังคงถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคชาวจีน และแข่งแกร่งมากขึ้นจากความสำเร็จของอีคอมเมิร์ซในประเทศจีนและทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ส่วนแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับพรีเมี่ยมนั้นดำเนินงานได้ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ Lancôme, Yves Saint Laurent, Giorgio Armani และ Helena Rubinstein การเติบโตในแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคในภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนจากแบรนด์ ลอรีอัล ปารีส และการเปิดตัว 3CE Stylenanda ทั้งนี้ บริษัทยังสมารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในเอเชียใต้
เปรียบยอดขายของลอรีอัลกรุ๊ป ปี 2561/2562 (ล้านยูโร)
2018 | 2019 | |
ยอดรวมครึ่งปีแรก | 13,390.7 | 14,811.5 |
ยอดรวมหนึ่งปี | 26,937.4 |
ที่มา : Loreal