Site icon Thumbsup

แนวทางสร้าง ‘แบรนด์คอนเทนต์’ ให้มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด

หากคุณมีแบรนด์เป็นของตัวเอง  แล้วอยากทำคอนเทนต์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจเพิ่มขึ้น  จนกลายเป็นแบรนด์ที่ถูกเรียกได้ว่า “มีคอนเทนต์ที่ดี”  เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้  เรามีเทคนิคการสร้างชิ้นงานว่าจะต้องมีแนวทางอย่างไรกันบ้าง

ทรงคุณ พงษ์ถาวรสกุล จาก Mercury Digital ได้เล่าถึงขั้นตอนต่างๆ เอาไว้ในการออกแบบคอนเทนต์สำหรับแบรนด์ดังต่อไปนี้

1. ทำความเข้าใจตัวเองก่อน

ในช่วงเริ่มแรกก่อนจะทำคอนเทนต์นั้น เจ้าของธุรกิจต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร เพราะถ้าไม่เข้าใจรูปแบบของธุรกิจตัวเอง กลุ่มเป้าหมายและการเจาะตลาดกรุงเทพหรือต่างจังหวัด ให้ชัดเจน การวางกรอบสำหรับทำคอนเทนต์จะมีแนวทางที่ออกมาไม่ชัดเจน

นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนของแบรนด์ ย่อมทำให้ผู้คนบนโลกออนไลน์ ไม่ทราบว่าแบรนด์ของคุณ ต้องการสื่อสารเรื่องอะไรกันแน่  ทำให้ยากที่จะสร้างโอกาสในการขาย การสร้างภาพลักษณ์ หรือการโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

2. วิเคราะห์คู่แข่งและหาเป้าหมาย

การมองภาพรวมในเชิงอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของแบรนด์ ที่เรากำลังทำอยู่ ซึ่งต้องทราบก่อนว่า คู่แข่งของเราเป็นใคร มีจำนวนกี่รายและมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้เลือกคู่แข่งมาวิเคราะห์ ว่ามีการทำคอนเทนต์อย่างไรบ้าง

โดยควรจะเลือกแบรนด์ที่มีความใกล้เคียงกับธุรกิจที่เราทำอยู่มากที่สุด  และต้องมองดูด้วยว่าสิ่งที่เขาสื่อสารไปนั้นเป็น B2B (Business-to-Business) หรือเป็นรูปแบบธุรกิจ B2C (Business-to-Consumer) และแบบไหนที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด

พร้อมทั้งสำรวจเป้าหมายของแบรนด์ว่า ต้องการทำคอนเทนต์ไปเพื่อจุดประสงค์ใด เช่น ประชาสัมพันธ์แบรนด์ โปรโมตสินค้าใหม่ บอกโปรโมชั่น ฯลฯ

3. ดูคอนเทนต์เพื่อเก็บตัวอย่าง

หลังจากที่ค้นหาจุดเด่นของแบรนด์คู่แข่งที่มีการทำธุรกิจแบบเดียวกันแล้ว  ก็เข้าสู่ขั้นตอนการสำรวจดูคอนเทนต์ของคู่แข่ง ว่ามีสไตล์ในการทำคอนเทนต์ รูปแบบ และการสื่อสารอย่างไรบ้าง

โดยต้องไล่ดูคอนเทนต์ให้มันครอบคลุมทั้งหมด ดูว่าสิ่งที่เขาสื่อสารออกมานั้นเพื่อโปรโมต การประชาสัมพันธ์ แนะนำข้อมูล หรือบอกเล่ารูปแบบบริการ รวมทั้งคอนเทนต์นั้น นำเสนอในรูปแบบของบทความ อินโฟกราฟิก หรือคลิปวีดีโอ

4. วางแผนงาน

เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว นั่นคือเรามีข้อมูลที่รอบด้าน และวางแผนว่าจะนำเสนอคอนเทนต์แบบใด ให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราสนใจมากที่สุด จากนั้นก็มาวางแพลนให้กับแบรนด์ของตัวเอง

เช่น อาจจะเอาตัวอย่างคอนเทนต์ ของแบรนด์ A มาวางในแผนคอนเทนต์ทั้งหมด แทนคอนเทนต์ของเราเองในอนาคต เป็นการวางแพลน ซึ่งควรวางแผนภาพรวมยาวทั้งเดือน หรือกำหนดธีมหลักขึ้นมาเพื่อที่จะได้รู้ว่า ในเดือนนี้ จะต้องทำอะไรบ้าง หรือจะสื่อสารเพื่ออะไร  และจริงๆ แล้วการวางแพลนไม่จำเป็นต้องเป็นตามที่กำหนดทุกวัน อาจยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม เผื่อว่าจะเล่นกับกระแสโซเชียลในช่วงเวลานั้นๆ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ ที่สื่อสารคอนเทนต์กับผู้ติดตามอาจจะต้องลงถี่หน่อย อย่างน้อยที่สุดอาจจะ 3 วันครั้ง หรืออาทิตย์ละครั้ง ถ้าแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักและติดหูแล้ว ค่อยดูเรื่องของตารางเวลาควบคู่ไปกับพฤติกรรมคนไทยด้วย  โดยควรมีตารางการลงเนื้อหาคอนเทนต์ว่าวันธรรมดาและวันหยุด ควรมีเนื้อหาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคอนเทนต์เราเป็นแบรนด์ร้านอาหาร  แล้วอยากที่จะให้ลูกค้าได้รู้จักร้านเราให้มาลองรับประทาน  การลงคอนเทนต์ก็ควรจะลงในวันธรรมดา  และลงช่วงประมาณช่วงกลางสัปดาห์ อย่างวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี  แต่ก็ไม่ควรลงในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะควรมีคอนเทนต์ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้เกี่ยวกับร้านก่อนตัดสินใจมาใช้บริการในช่วงวันหยุด

ดังนั้น การวางตารางคอนเทนต์ที่ดีย่อมมีผลต่อแบรนด์  รวมทั้งต้องดูให้เหมาะสมด้วยว่า แบรนด์เราเป็นอุตสาหกรรมแบบไหน หรือควรลงเนื้อหาช่วงเวลาใด ผู้อ่านจึงจะเห็น การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้คนมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าของเราได้นั่นเอง

5. ลองทำจริง

ขั้นตอนการสร้างข้อความที่ต้องการสื่อสารออกไป  ซึ่งเริ่มจากการคิดหัวข้อแล้วจึงมาทำคอนเทนต์  โดยนำข้อมูลของแบรนด์มาทำเป็นคอนเทนต์ ในช่วงเริ่มต้นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าคอนเทนต์ที่ทำนั้นผิดหรือถูกก็คือการทดลองทำก่อน แต่ว่าคำว่าลองนั้น ก็ยังต้องอยู่บนพื้นฐานของโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงด้วย ดูตัวอย่างที่ดีมากจากหลากหลายแบรนด์เข้าทำกัน อาจจะทำตามแบรนด์หรือเพจดังๆ ก่อนว่าเขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ และลองทำตามนั้นเป๊ะๆ

6. ลงไปวัดผล

จากนั้น ค่อยมาวัดผลว่าหลังจากคอนเทนต์ที่เราลงไปแล้วเป็นยังไง  ถ้าคอนเทนต์ที่เราลงไปรู้สึกว่ายังไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจเอา  ก็ให้ลองดูตัวอย่างอื่นๆ เพิ่มเติม ถึงแม้ว่าคอนเทนต์ที่ลงไปอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้ตัวแบรนด์เริ่มมีข้อมูล หรือเรื่องราวของแบรนด์ขึ้นมาบ้างแล้ว

เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าคนไม่อ่านหรือไม่ติดตามคือความล้มเหลว  เพราะอย่างน้อยมันก็เกิดให้มีคอนเทนต์ที่เป็นประวัติของแบรนด์มาบ้าง  แต่ทุกคอนเทนต์หลังจากลงไปแล้วต้องมีการวัดผลติดตามว่าสิ่งใดที่ดีหรือสิ่งไหนควรปรับปรุง

จากนั้นก็ลงมือปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม  ขั้นตอนนี้ให้ลองดูรายละเอียดว่าอะไรตกหล่น  มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไรบ้าง และลองนำตัวอย่าง อื่นๆ มาพลิกแพลงทำคอนเทนต์ไปเรื่อยๆ

7. สำรวจการสื่อสาร

แน่นอนว่าในแต่ละครั้งแบรนด์มีการสื่อสารที่มีการปรับเปลี่ยนไปตลอดตามสถานการณ์   อย่างตอนแรกมีเป้าหมายเป็นการสื่อสารด้านการแนะนำเพื่อให้คนได้รู้จัก เช่น โปรโมตร้าน โปรโมตเรื่องเปิดบริการใหม่ หรือโปรโมทบริษัทเปิดใหม่

ในการทำคอนเทนต์นั้น จะพบว่ามีความวนกลับไปกลับมา เช่น เปลี่ยนจากเดิมที่แนะนำโปรโมชั่น เป็นการทำข่าว PR หรือเปลี่ยนเป็นการทำ CSR แทน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันจะวนกลับไปที่ข้อ 2 อีกครั้ง  ว่าเป้าหมายในการทำคอนเทนต์คืออะไรกันแน่  จากนั้นจึงค่อยมาผลิตชิ้นงานคอนเทนต์ต่อไปในอนาคต