สัปดาห์ที่ผ่านมาโลกออนไลน์ร้อนแรงกันมากกับการแสดงความคิดเห็นของ Mario Lopez นักแสดงอเมริกันที่ควบบทบาทนักข่าวบันเทิง แง่มุมที่ Lopez ไม่เห็นด้วยกับพ่อแม่เซเลบริตี้ผู้มีชื่อเสียงที่สนับสนุนให้บุตรหลานเลือกเพศของตัวเองด้วยตัวเองนั้นน่าสนใจ
ขณะเดียวกัน Lopez ก็มีความกล้าไม่กลัวใครด้วยการเรียกแนวคิดนี้ว่าเป็น weird Hollywood trend หรือเทรนด์ฮอลลีวูดสุดแปลกประหลาดและเป็นอันตราย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสมที่ทำให้มุมมองของ Mario Lopez ถูกกล่าวขานวงกว้างทั่วโลกออนไลน์อเมริกัน แม้ว่าเขาจะออกแถลงการณ์ขออภัยแล้วก็ตาม
แนวคิดที่ Mario Lopez มองว่าอันตราย คือผู้ปกครองที่ตัดสินใจสนับสนุนการเลือกเพศเองของเด็ก โดยจะไม่แก้ไขความคิดของเด็กชายที่พูดว่า “ผมรู้สึกเหมือนเด็กผู้หญิง” หรือเด็กหญิงที่บอกว่า “หนูรู้สึกเหมือนเด็กผู้ชาย” ความเห็นนี้ถูกเผยแพร่ผ่านการสัมภาษณ์เมื่อเดือนมิถุนายนในรายการ The Candace Owens Show ซึ่งเขาอธิบายว่าแนวคิดนี้ผิดแปลกไปหมด เพราะเด็กทุกคนเป็นเพียงเด็กและยังไม่รับรู้รสนิยมทางเพศใดๆ
ปรากฏการณ์วิจารณ์ Mario Lopez สะท้อนว่าผู้บริโภคอเมริกันอ่อนไหวเรื่องนี้มาก ที่ผ่านมา ขอบเขตระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงเคยนำไปสู่ความวุ่นวายทางสังคมจนทำให้เกิดข้อโต้แย้งในปี 2015 ทำให้บริษัทจำหน่ายของเล่น ต้องนำป้ายกำกับเพศออกจากสินค้าเพราะข้อหากีดกันเด็กผู้หญิงจากของเล่นกลุ่มหุ่นยนต์
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรสนิยมทางเพศ
ต้นเรื่องของกรณีนี้มาจาก Charlize Theron นักแสดงหญิงชื่อดังที่ออกมาประกาศกับสื่อว่าลูกชายวัย 7 ขวบของเธอไม่ระบุว่าตัวเองเป็นเพศชาย โดยบอกผ่านสื่ออย่าง Daily Mail ว่าตอนแรกเธอก็คิดว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย จนกระทั่งลูกอายุ 3 ขวบแล้วมองหน้าแม่ก่อนจะบอกว่า “หนูไม่ใช่ผู้ชายนะ!”
ประเด็นนี้ คุณพ่อลูก 3 อย่าง Mario Lopez วิจารณ์ร่วมกับเจ้าของรายการคือ Candace Owens ว่าการที่พ่อแม่เซเลบฯเอ่ยปากเรื่อง “ลูกหลานกำลังเลือกเพศอยู่” นั้นเป็นเรื่องที่แปลกมาก ซึ่งแม้ส่วนตัวเขาจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะบอกใครว่าควรดูแลลูกอย่างไร แต่เมื่อลองคิดกลับว่าหากผู้ใหญ่กลายเป็นเด็กวัย 3 ขวบที่บังเอิญเอ่ยความรู้สึกชั่ววูบออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พ่อแม่กลับบอกว่า “งั้นก็โอเค หนูก็ไปเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ลูก” สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าแนวคิดนี้แปลกมาก และเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุดประหลาดมากมายที่ออกมาจากฮอลลีวูด
Mario Lopez กล่าวอีกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองควรจะอนุญาตให้เด็กมีอิสระเล่นซนตามใจต้องการ แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ด้วย Lopez มองว่าพ่อแม่ที่ดีควรหยุดแล้วแนะนำถึงสิ่งที่ถูกต้อง แน่นอนความเห็นนี้ไม่โดนใจชาว Twitter ทำให้ Lopez ไม่มีแฟนคลับกลุ่มใหม่ ตรงกันข้าม ชาว Twitter กลับบอกให้ Lopez เลิกวิจารณ์ชาวบ้านแล้วมองที่เรื่องของตัวเองก่อน
Mario Lopez should mind his business and worry about his own children. Everyone is entitled to their opinions, even wrong ones. But criticizing someone’s parenting publicly crosses a line. If a child isn’t being abused, observe quietly.
— nunya business (@100ptruthteller) July 30, 2019
@TransEquality Candace Owens and Mario Lopez are spreading idiocy on the Prager U social channel about trans kids. I posted three replies, but wanted to make sure this is on your radar, too. https://t.co/5FaM57sPWe
— WokeUpLikeThis (@FTWTMPS) July 9, 2019
Good luck getting work now Mario.
Interview with Candace and questioning the Trans dogma.
Mario Lopez says letting kids live as preferred gender is ‘dangerous’ https://t.co/aSEp6nPAVQ via https://t.co/rUVQPniDjB
— Mr Barkley (@Barkley_uk) July 30, 2019
อย่างไรก็ตาม Christia Brown ศาสตราจารย์จิตวิทยาสังคมที่มหาวิทยาลัยเคนตักกี้และผู้เขียน Parenting Beyond Pink & Blue กล่าวว่าคำให้สัมภาษณ์นี้แสดงถึงความเข้าใจผิดของการแสดงออกทางเพศ เพราะเด็กบางส่วนที่สำรวจรูปแบบการแสดงออกทางเพศเท่านั้นที่จะเป็นคนข้ามเพศ แต่เด็กทั่วไปต้องการเพียงแค่การแสดงออกทางเพศที่ยืดหยุ่นได้ โดยเด็กส่วนใหญ่จะถูกดึงดูดไปสู่สิ่งที่พวกเขาพบว่าเป็นที่ชื่นชอบ และมักไม่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น
นักวิชาการโต้กลับ
ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาย้ำอีกว่าความเป็น “อันตราย” สำหรับเด็กคือความคาดหวังให้เด็กมองและกระทำในสิ่งที่เด็กรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นไปอย่างสับสน จุดนี้เป็นอย่างที่ Lopez กล่าวไว้คือการแสดงออกทางเพศจะเกิดความสับสนมากขึ้น
แต่สิ่งที่เด็กต้องการคือการป้องกันไม่ให้มีการถูกตราหน้าว่าผิดปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงออกชัดเจนในการสัมภาษณ์ของ Owens ขณะเดียวกัน พ่อแม่ก็ต้องช่วยให้เด็กรู้สึกมีพลังมากขึ้นไม่ใช่บั่นทอน
กระแสการต่อต้าน Lopez ยังรุนแรงขึ้นเมื่อเขาเรียกความเคลื่อนไหวเช่น #BelieveWomen เพื่อสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายทางเพศ ว่าเป็น “แฮชแท็กที่อันตราย เพราะอาจมีเรื่องไม่จริงปะปน และบางครั้งคนที่พูดไม่จริงเหล่านั้นก็เป็นผู้หญิง”
แน่นอนว่าประเด็น #BelieveWomen ยิ่งทำให้ Lopez ถูกชาวเน็ตยำใหญ่มากขึ้น กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่ตัว Lopez และบุคคลสาธารณะต้องจดจำไปอีกนานหากต้องการออกความเห็นใดๆ
ที่มา: : FastCompany