ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าแฮชแท็ก #LALISA #LISA กลายเป็นคำยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ อาจเพราะลิซ่า-ลลิษา มโนบาล สาวไทยที่ไปเติบโตในวงการบันเทิงของเกาหลี เป็นเวลาเกือบ 10 ปีและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แม้จะมีทั้งกระแสในเชิงบวก และกระแสดราม่า
ณ วันนี้ 15 กันยายน ยอดรับชม MV เพลง LALISA ทำได้กว่า 142 ล้านครั้งแล้ว และยังคงมีกระแสเกี่ยวกับผลงานเพลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแฟชั่นหรือไลฟ์สไตล์ของลิซ่าเอง
ด้วยตัวตนของลิซ่าเอง มีหลายคนยอมรับเรื่องของการมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน ด้วยการเดินทางไปเป็นเด็กฝึกที่ YG Entertainment ตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเพียงคนเดียว ซึ่งลิซ่ามีการฝึกฝนและพยายามมาโดยตลอด ซึ่งตัวเธอเองมีความเชื่อมั่นในการทำงานมาตลอด
ทั้งนี้ กระแสหลายด้านของลิซ่าอาจจะช่วยกระตุ้นให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองในสายตาของต่างชาติ หากมีการเดินหน้าต่อหรือจับกระแสให้ถูกต้องก็จะช่วยสร้างโอกาสและรายได้ใหม่ๆ เข้าประเทศ
ด้านการท่องเที่ยว
ด้วยภาพในมิวสิควีดีโอ ได้มีการใช้ฉากหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ลิซ่าบอกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของบุรีรัมย์อย่าง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของเธอ ในช่วงของโควิด-19 นี้ หากทางจังหวัดมีการทำความสะอาดและเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ก็น่าจะสร้างจุดเด่นให้แก่จังหวัดที่มีมากกว่าแค่สนามกีฬา หรือหากมีจุดแลนด์มาร์คที่น่าสนใจก็ควรจะช่วยผลักดันให้มากขึ้น
ด้านวัฒนธรรม
วัฒนธรรมของประเทศไทยทั้งเรื่องของอาหารการกิน การปลูกต้นไม้ หรือภาพบ้านเรือน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมของประเทศที่มากกว่าแค่เรื่องของแฟชั่นหรือเครื่องประดับภายนอก หากมีการขายสินค้าประเภทต้นไม้ ของแต่งบ้านที่สวยงาม หรือเมนูอาหารท้องถิ่นที่พร้อมขายและส่งออก ก็จะเพิ่มโอกาสทางรายได้ใหม่ๆ เพราะประเทศไทยยังมีเมนูอาหารอีกมากที่สามารถปรับให้เป็นเมนูที่ทานง่ายสำหรับชาวต่างชาติได้
ด้านแฟชั่น
อย่างที่ทราบกันว่าเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ ลิซ่า แต่งในเอ็มวีนั้น ถูกสร้างสรรค์โดยทีมงานคนไทย ทำให้ออกแบบและสร้างสรรค์มาให้มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ หากคุณมีเซ้นส์ด้านแฟชั่น ลองออกแบบเสื้อผ้าที่มีการออกแบบให้สวยงาม ใส่ได้ทุกเทศกาลและปรับให้ใส่ง่ายทุกช่วงอายุของสาวๆ เพราะเรื่องแฟชั่นกับผู้หญิงคือของคู่กัน
ด้านอาหาร
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าวัฒนธรรมอาหารของไทย คือจุดเด่นระดับโลก ขนาดลูกชิ้นยืนกินของป้านก ที่บุรีรัมย์ กลายเป็นร้านดังในกระแสที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักและคนในท้องถิ่นมาหาซื้อไปกิน จนรับซื้อและส่งแบบเดลิเวอรี่ไปแล้ว หากมีการผลักดันเรื่องอาหารในหลายๆ เมนูอย่างต่อเนื่องก็น่าจะช่วยให้ประเทศไทยมีจุดเด่นด้านอาหารและกลายเป็นจุดแข็งท่ีพร้อมส่งออกไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม สินค้าไทยยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ถูกผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากนัก หรือหากแบรนด์ใดประสบความสำเร็จหรือเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง สาหร่ายเถ้าแก่น้อย เครื่องสำอางมิสทีน หมอนยางพารา สินค้ายอดนิยมของชาวจีนที่มียอดขายหลักหลายล้านต่อปี ก็ประสบความสำเร็จจากการทำแผนธุรกิจด้วยตนเองทั้งสิ้น
หากประเทศไทยต้องการเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแรงก็จำเป็นต้องรู้จักกลไกทางธุรกิจ การผลักดันด้วยมาตรการที่ถูกต้อง และช่วยเหลือธุรกิจและประชาชนรายย่อยอย่างถูกจุด เพราะการผลักดันของรัฐบาลแม้จะเป็นไปตามการวางแผนที่ดีแต่ไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสหลายอย่างของประเทศไทยต้องสูญเสียไปด้วยปัญหาภายในประเทศ