อย่างที่เราเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว Mary Meeker เป็นนักวิเคราะห์หุ้นเทคโนโลยีที่นิตยสาร Forbes เคยยกให้เป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลมากอันดับ 77 ของโลก ล่าสุด Meeker เผยผลสำรวจเทรนด์อินเทอร์เน็ตประจำปี 2017 ไว้ที่งานประชุมที่สำนักข่าว Re/code จัดขึ้นในชื่อ Code Conference เมื่อ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา
เทรนด์แรกที่นักการตลาดควรรู้คือยอดขายสมาร์ทโฟนที่เติบโตช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นเพียง 3% ในปี 2016 น้อยกว่าปีก่อนหน้าที่ยอดจัดส่งมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 10% การเติบโตของจำนวนผู้ที่ซื้อและใช้สมาร์ทโฟนที่ชะลอตัวยังทำให้การติดตั้งแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเพียง 12% ในปี 2016 เท่านั้น น้อยกว่ามากเทียบกับ 25% ที่ได้รับในปี 2015
เทรนด์ที่ 2 คือสื่อดิจิทัลกำลังเติบโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปี 2016 และอีกหลายปีนับจากนี้ สถิติที่สำคัญของเทรนด์นี้คือระยะเวลาการใช้สื่อดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.6 ชั่วโมงต่อวัน จาก 5.4 ชั่วโมงในปี 2015
ในระยะเวลาเท่านี้ กว่า 3.1 ชั่วโมงเป็นการชมผ่านโมบาย (เพิ่มจาก 2.8 ชั่วโมงในปี 2015) แต่การชมบนเดสก์ท็อปนั้นคงที่ 2.2 ชั่วโมง ขณะที่การชมบนอุปกรณ์อื่นคิดเป็น 0.4 ชั่วโมง
เทรนด์ที่ 3 คือธุรกิจโฆษณาออนไลน์เติบโตขึ้นได้ด้วยตลาดอุปกรณ์พกพา ตัวเลขรายได้รวมโฆษณาออนไลน์ปี 2016 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 22% สูงกว่าสัดส่วน 20% ที่เคยทำได้ในปี 2015 โดยเงินสะพัดส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากโทรศัพท์มือถือ เห็นได้ชัดจากรายได้จากโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นสูงกว่าโฆษณาบนเดสก์ท็อปแล้ว
เทรนด์ที่ 4 คือตลาดการโฆษณาออนไลน์ทั่วโลกคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดแซงทีวีในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยการสำรวจพบว่าโฆษณาบนเครือข่ายโฆษณาของ Google และ Facebook นั้นครองสัดส่วน 85% ของการเติบโตโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของ 2 ยักษ์ใหญ่ในโลกการโฆษณาออนไลน์
เทรนด์ที่ 5 คืออุปกรณ์สั่งการด้วยเสียงจะยิ่งนิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนยุคนี้เริ่มใช้อุปกรณ์ผู้ช่วยเสียงกันมากขึ้น อย่างเช่น Alexa, Siri และ Google Assistant จุดนี้รายงานระบุว่าตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา 20% ของการค้นหาบนมือถือเกิดขึ้นโดยเสียงพูดของผู้ใช้
เทรนด์ที่ 6 คือโปรแกรมปิดกั้นโฆษณาจะยังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะโปรแกรม Ad blocking บนอุปกรณ์พกพา รายงานระบุว่าจำนวนผู้ใช้โปรแกรม Ad blocking เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา แต่ตลาด desktop ad blocking กลับเติบโตช้าลง คิดเป็นตัวเลขราว 240 ล้านเครื่อง
เทรนด์ที่ 7 คือโฆษณากลุ่ม Incentive ที่จูงใจให้ผู้ชมกดและโฆษณาที่สามารถกดข้ามไปได้จะได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนโฆษณาที่เล่นก่อนวิดีโอ (preroll) และโฆษณากลุ่มป็อปอัปจะเริ่มเสื่อมความนิยมลง
นอกจาก 7 เทรนด์นี้ ผู้สนใจสามารถชมสไลด์ฉบับเต็มได้ที่นี่
ที่มา: Adweek