อย่างที่เราหลายคนได้รับทราบข่าวสารการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ McDonald ในสหรัฐอเมริกา ต้นปีหน้า ว่าจะเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคสามารถสั่งอาหารและชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ แถมเมื่อเข้าไปในร้านก็จะมีหน้าจอ Kiosk ที่มีมูลค่ารวมค่าติดตั้งประมาณ 50,000 – 60,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้เลือกเมนูที่ต้องการ ผู้ใช้ก็เพียงกดได้ตามสะดวกนั้น
สำหรับความพร้อมด้านแอปพลิเคชันนั้น ล่าสุด McDonald’s ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปติดตั้งแล้วประมาณ 16 ล้านครั้ง โดยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นกับสาขาของ McDonald’s ตามหัวเมืองใหญ่เช่นฟลอริด้า นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย บอสตัน ชิคาโก ซีแอทเทิล ฯลฯ จำนวน 500 แห่ง จากทั้งหมด 14,000 แห่ง
แต่หากพิจารณาให้ดีคงต้องบอกว่า นอกจากความสามารถของ Kiosk ที่ถูกนำมาเรียกความสนใจจากสื่อแล้ว McDonald’s ยังมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ ส่วนของพนักงาน และส่วนของเมนูอาหาร
ในส่วนของพนักงานนั้น เมื่อมีตู้ Kiosk รับออเดอร์แทนแล้ว จากที่ใครหลายคนกังวลว่าพนักงานเหล่านั้นจะถูกเลิกจ้างคงต้องคิดใหม่ เพราะ McDonald’s ระบุว่าจะเปลี่ยนให้พนักงานเหล่านั้นมารับหน้าที่แนะนำการใช้งานตู้ Kiosk แก่ลูกค้าแทน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ลูกค้าของ McDonald’s อาจมีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่ติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจนไม่สะดวกที่จะใช้ตู้ดังกล่าวด้วยตัวเองอยู่เช่นกัน นอกจากนั้นก็จะมีงานด้านการเสิร์ฟอาหารเพิ่มเข้ามาด้วย เพราะ McDonald’s ในยุคต่อไปจะเน้นการนั่งรับประทานภายในร้านมากขึ้นนั่นเอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ การเปลี่ยนวัตถุดิบที่เน้นว่าต้องดีต่อสุขภาพ โดย McDonald’s ในปีหน้าจะใช้เนยในเมนูแมคมัฟฟิน (Egg McMuffins) แทนมาการีน ใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดแทนน้ำตาล และที่น่าสนใจก็คือ McDonald’s จะเลิกใช้เนื้อไก่ที่มีการใช้สารแอนติไบโอติกในระหว่างการเลี้ยงมาประกอบอาหาร และภายใน 10 ปี เนื้อไก่ของ McDonald’s ที่ขายในสหรัฐอเมริกา แคนาดานั้น จะเปลี่ยนไปใช้เนื้อไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระด้วย
งานนี้ บริษัทที่ขายไก่กับไข่แบบใช้สารแอนติไบโอติกหลายรายในสหรัฐอเมริกาอาจต้องกุมขมับเลยทีเดียว เพราะโอกาสในการเจรจากับเชนฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาถึง 14,000 สาขานี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว
ที่มา: Android Authority