นี่คือกรณีศึกษาที่หลายธุรกิจควรให้ความสนใจ เนื่องจากแบรนด์สินค้านั้นสามารถดูดีได้เพราะบริการเสริมที่ไม่ได้สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท เจ้าของกรณีศึกษานี้คือ McDonald’s ที่ได้รับแชมป์ผู้ให้บริการ Wi-Fi สาธารณะที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาไปครอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ยกระดับร้าน McDonald’s และอาจทำให้ลูกค้าเดินเข้าไปใช้บริการร้าน McDonald มากขึ้นในอนาคต
การสำรวจของบริษัทวิจัย OpenSignal ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน พบว่าเจ้าพ่อเชนฟาสต์ฟู้ดด้านอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง McDonald’s นั้นเป็นเจ้าของพื้นที่ให้บริการเครือข่ายข้อมูลไร้สาย Wi-Fi ที่มีคุณภาพดีและรวดเร็วที่สุดในบรรดาร้านค้าสหรัฐฯ เรียกว่าใครที่เดินอยู่ในสหรัฐฯแล้วต้องการใช้งานเครือข่าย Wi-Fi ขอให้ตรงไปที่ McDonald’s สาขาที่ใกล้ที่สุด ก็จะไม่ผิดหวัง
OpenSignal ดำเนินการสำรวจนี้ผ่านแอพพลิเคชันของตัวเอง โดยวัดจากการใช้งานแอพพลิเคชันผ่านสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ในร้านค้า ผลปรากฏว่าความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลที่วัดได้จากร้าน McDonald’s นั้นมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดเมื่อเทียบกับร้านค้าแบรนด์อื่น ด้วยสถิติ 4.187 Mbps
ความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดของ Wi-Fi จากร้าน McDonald’s นั้นสูงกว่าความเร็วเฉลี่ยที่วัดได้จากร้าน Panera ถึง 4 เท่าตัว ขณะที่ร้านค้าปลีกอย่าง Best Buy ครองเก้าอี้อันดับ 2 ด้วยสถิติ 3.879 Mbps
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับธุรกิจกลุ่มโรงแรม ความเร็วของ Wi-Fi ในร้าน McDonald’s นั้นไม่ได้อยู่ในระดับพิเศษ เพราะ Wi-Fi ในโรงแรมดังอย่าง Hilton นั้นชนะเลิศที่ความเร็วเฉลี่ย 8.477 Mbps เท่ากับว่า McDonald’s นั้นนำหน้าเฉพาะในกลุ่มร้านสาขาหรือ chain store เท่านั้น
อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ Wi-Fi ในสวนสนุก Disney กลับมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงกว่าห้องพักในโรงแรมของ Disney จุดนี้ถือเป็นการวางกลยุทธ์ที่ Disney ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในสวนสนุกสามารถเพลิดเพลินกับโลกดิจิทัลได้แบบทันใจ
ที่มา : Quartz