เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำและความไม่แน่นอนก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งแรกที่แบรนด์ควรทำคือการใช้จ่ายให้คุ้มค่ามากที่สุด
นี่คือทริคในการเมคชัวร์ว่าไม่มีงบประมาณที่สูญเปล่าไปกับการผลิตโฆษณาในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากงบประมาณการตลาดในขณะที่สร้างผลลัพธ์ที่มีความหมายสำหรับธุรกิจได้
1. ตรวจสอบโฆษณาของคุณ
จากการศึกษาพบว่า 26% ของงบประมาณการตลาดสูญเปล่าไปกับช่องทางและกลยุทธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นแบรนด์ต้องไม่เสียเปล่าไปกับการโฆษณา โดยทำความเข้าใจว่าสิ่งใดที่ใช้ได้ผลและไม่ได้ผลกับมัน
อาจทำการตรวจสอบดังนี้
- การกำหนดเป้าหมาย : ตรวจสอบผู้คนเหล่านี้เหมาะสมกับแบรนด์หรือไม่ หรือแบรนด์สามารถทำการจำกัดเป้าหมายให้แคบลงได้อีกหรือไม่ อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นแต่จะช่วยให้มีคุณภาพสูงขึ้น
- การมีส่วนร่วม : อาจสังเกตุว่าโฆษณษใดที่มีการดึงดูดการมีส่วนร่วมมากที่สุด และโฆษณาใดที่มีการขับเคลื่อนน้อยที่สุด หรือดูว่าโฆษณาที่มีส่วนร่วมมากที่สุดนั้นเป็นตัวสร้างรายได้ที่ดีสำหรับแบรนด์หรือไม่
- ช่องทาง : ดูว่าแชแนลใดทำให้เกิด Conversion มากที่สุดและช่องทางใดทำให้เกิด Conversion น้อยที่สุด สังเหตุว่าช่องทางเหล่านั้นผ่านมาตรฐานในอุตสาหกรรมของแบรนด์หรือไม่
2. ทดสอบอยู่เสมอ
ความคล่องตัวเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่แบรนด์สามารถใช้ได้ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ดังนั้นใช้สิ่งนี้เป็นโอกาสในการพิสูจน์คุณค่าของแบรนด์ หากแบรนด์กำลังจะทำให้ค่าโฆษณาทุกบาทมีค่า แบรนด์จะต้องทดสอบข้อความและคอนเท้นต์ก่อนเปิดตัว และเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาอยู่ตลอด ทั้งในด้านเว็บไซต์และหน้า Landing Page อย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ conversion ตลอดช่วงของแคมเปญ
3. ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า
บ่อยครั้งที่เราใช้เวลามากมายในการปรับปรุงโฆษณาจนลืมเกี่ยวกับส่วนของ customer journey แต่เมื่อเราใช้เวลาในการเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ของลูกค้าทั้งหมดตั้งแต่แรกจนจบแล้ว นั่นจะเป็นผลลัพธ์ที่มีค่ามากสำหรับแบรนด์ เพราะประสบการณ์ของลูกค้าได้กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการตัดสินใจซื้อสำหรับลูกค้า
ต่อไปนี้คือสองวิธีที่จะสามารถสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ไร้รอยต่อเพื่อเพิ่ม Conversion ของแคมเปญและความภักดีของลูกค้า:
ใช้เวลาในการทำความเข้าใจผู้ชมของคุณอย่างแท้จริง เพราะการวิเคราะห์อย่างรอบคอบไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์กำหนดเป้าหมายกลุ่มที่ถูกต้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้แบรนด์สร้าข้อความที่เป็นที่พอใจกับลูกค้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแบรนด์จะค้นคว้าข้อมูลผู้ชมของอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากแค่ไหน แบรนด์ก็ยังต้องลบสมมติฐานออกจากการตลาดและทดสอบทุกอย่างในภาคสนาม เพราะความต้องการและบริบทของลูกค้านั้นเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ เพื่อที่แบรนด์จะสามารถจัดการประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับลูกค้าได้ตลอดเวลา
4.ใช้ระบบอัตโนมัติ
การทำสามข้อข้างต้นอาจทำได้ยาก เพราะฉะนั้นระบบอัตโนมัติจึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลงและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นในวงกว้างเมื่อตั้งค่าอย่างเหมาะสม ช่วยให้แบรนด์ประหยัดเวลาอันมีค่าในงานที่ซับซ้อน และแบรนด์สามารถใช้ความพยายามมากขึ้นในการเชื่อมต่อกับผู้ชมและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้พวกเขา