แม้จะเข้าใจดีว่าระบบวัดผลการตลาดที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มโฟกัสให้การวัดผล ROI ทำได้ตรงจุดมากขึ้นด้วย แต่นักการตลาดส่วนใหญ่ยอมรับว่า ระบบวัดผลการตลาดที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้ยังทำงานได้ก่ำกึ่งกับเกณฑ์มาตรฐานหรือต่ำกว่ามาตรฐานเท่านั้น
ผลการสำรวจนี้มาจากการศึกษาร่วมกันระหว่าง Brand Innovators และ Origami Logic made ที่พบว่ากว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักการตลาดของเหล่าแบรนด์ (63%) รับรู้อยู่แล้วว่าหากใช้ระบบวัดผลการตลาดที่ดี จะทำให้ทุกคนสามารถให้ความสำคัญกับการวัดผล ROI ได้ด้วย แต่ 72% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่าเครื่องมือวัดผลที่ตัวเองมีนั้นยังไม่ได้มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้น
บทสรุปนี้สะท้อนว่าวงการการตลาดต้องการเครื่องมือวัดผลที่ดีกว่า เนื่องจากส่วนงานบริการเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัตินั้นมีพัฒนาการจนทำให้ระบบวัดผลมีความเหนือชั้นกว่ามาตรฐานแล้ว แต่ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ในบ้านและสินค้าส่วนบุคคลยังมีระบบวัดผลที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดคือระดับมาตรฐานเท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจยังยับยั้ง ไม่ลงทุนกับระบบวัดผลการตลาดระดับสูงนั้นมีหลากหลาย บางกลุ่มบอกว่าเป็นเพราะระบบวัดผลมาตรฐานสูงนั้นต้องการการจัดการที่ซับซ้อนเกินไป (52%) ขณะที่บางกลุ่มบอกว่าเป็นเพราะกิจกรรมที่ต้องดึงข้อมูลนั้นมีความแตกต่างกันมากเกินไป (49%)
นอกจากนี้ บางกลุ่มยังบอกว่าไม่สามารถจัดการทรัพยากรภายในบริษัทได้ (47%) เรียกว่าล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบวัดผลมาตรฐานสูงไม่ตอบโจทย์ ส่งให้บริษัทต้องเลือกระบบวัดผลแบบกลางๆ
ทั้ฝหมดทั้งปวง Brand Innovators และ Origami Logic พบว่านักการตลาดกลุ่มตัวอย่างกว่า 80% พร้อมหาทางเพิ่มระดับประสิทธิภาพระบบวัดผลของตัวเองในปีนี้ ถือเป็นแนวทางการเติบโตอีกด้านของวงการการตลาดโลกในช่วงเวลานับจากนี้
ที่มา: MarketingDive