The Verge ได้เผยแพร่จดหมายของหนึ่งในทีมบริหารของ Meta ออกมาว่า พวกเขากำลังเปลี่ยนอัลกอริธึ่มของ Facebook ให้คล้ายกับ TikTok มากขึ้น ด้วยการกำหนดแนวคิดในการแสดงผล (Feed) ของเฟซบุ๊กให้คล้ายกับของ TikTok รวมทั้งหากมีการสร้างคอนเทนต์ใหม่บน Reels จาก Instagram บัญชีผู้ใช้งานนั้น ก็จะถูกเพิ่มการมองเห็นมากกว่าการอัปโหลดซ้ำจาก TikTok เพราะอย่างที่รู้จักกันว่ามีหลายคลิปสั้นบน TikTok มักถูกนำมาแชร์ต่อ หรือรีโพสต์บน Reels เพื่อเพิ่มการมองเห็นจากผู้ชม
ซึ่งตั้งแต่มีการเปิดให้บริการ Reels มา ทีมบริหารของเฟซบุ๊กกล่าวว่า Mark Zuckerberg ไม่พอใจกับการเคลื่อนไหวที่ไม่เติบโตดีพอของ Reels และพวกเขาจำเป็นต้องคิดใหม่ในเรื่องของการแสดงผล (Feed) ของเฟซบุ๊กใหม่ทั้งหมด
ข้อมูลเหล่านี้หลุดมาจาก Tom Alison หนึ่งในผู้บริหารใหม่ของ Meta ที่ถูกสั่งให้เข้ามาดูแลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานของเฟซบุ๊ก ระบุว่า หนึ่งในแผนงานที่ ทอม วางแผนจะทำคือการจัดลำดับความสำคัญของโพสต์จากบัญชีผู้ติดตาม ซึ่งในฟีดหลักที่แสดงผลนั้น อาจจะไม่ได้มาจากบัญชีของเพื่อนในเฟซบุ๊กเสมอไป แต่จะดึงข้อมูลจาก Messenger และ Facebook ที่เป็นแอปแยกกันมารวมกัน เป็นผลมาจากการเลียนแบบฟังก์ชั่นการรับส่งข้อความของ TikTok นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการรวมฟีดของทั้งสองบริการมาไว้บน Reels มากขึ้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการขยับตัวของเฟซบุ๊กที่คาดหวังว่าจะเพิ่มผู้ใช้งาน Reels ของอินสตาแกรมให้มากขึ้นเช่นเดียวกับ TikTok รวมทั้งกลับมาเป็นผู้นำตลาดโซเชียลมีเดียเช่นเดิม
เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กได้พยายามเลียนแบบ Snapchat ที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาแล้วครั้งนึง แต่สำหรับครั้งนี้จะเห็นได้ว่า Mark ใช้เงินเดิมพันสูงกว่าเดิมหลังจากเจอผลกระทบในเรื่องของเม็ดเงินโฆษณาที่หลายแบรนด์โยกงบไปใช้บน TikTok มากขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากราคาหุ้นที่ลดลงอย่างมาก ทำให้มาร์คที่กำลังเดินหน้าวิสัยทัศน์เรื่อง Metaverse ต้องพยายามงัดทุกกลยุทธ์ออกมาใช้งานมากขึ้น
ทั้งนี้ TikTok ที่มี ByteDance จากจีนเป็นผู้ให้บริการมียอดดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 3.6 พันล้านครั้ง ซึ่งยอดดาวน์โหลดนี้สูงกว่าเฟซบุ๊ก 20% และมากกว่าอินสตาแกรม 21% รวมทั้งสถิติการใช้เวลากับ TikTok บน iPhone ก็สูงกว่าเฟซบุ๊กถึง 78% (ที่มา : Sensor Tower)
แม้ว่าเฟซบุ๊กจะยังสร้างรายได้หลายพันล้านดอลล่าร์ต่อไตรมาสและมีผู้ใช้งานรายเดือนกว่า 2.94 พันล้านราย แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนออกมาบอกว่าเฟซบุ๊กเสียฐานผู้ใช้งานในกลุ่ม Gen Z ไปและฐานผู้ใช้งานทั้งเดิมและกลุ่มใหม่ก็มีอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่อินสตาแกรมไม่มีการเผยข้อมูลเรื่องตัวเลขแบบเดิม ชี้ให้เห็นว่าจากวิสัยทัศน์เริ่มต้นของซักเกอร์เบิร์กเกี่ยวกับ ความมุ่งหวังที่จะให้เฟซบุ๊กเป็นโซเชียลมีเดียที่ “สร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม” ระหว่างเพื่อนและครอบครัวนั้น ถูกปรับเปลี่ยนไปด้วยเรื่องของการแสวงหาการมีส่วนร่วมและเติบโตพร้อมกับแบรนด์และเอเจนซี่ที่ยอมจ่ายเงินให้พวกเขาเพื่อไปสร้างบริการใหม่ๆ ได้มากกว่า
ที่มา : The Verge