ก้าวไปอีกขั้นกับ แพลตฟอร์ม Messenger เมื่อ David Marcus ผู้บริหารระดับสูงออกมาประกาศความสามารถใหม่ของ bots บนแพลตฟอร์ม Messenger ว่า “พร้อมแล้วสำหรับการรับชำระค่าสินค้าและบริการ” บนระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับธนาคาร
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นบนเวที TechCrunch Disrupt SF 2016 เมื่อคืนนี้ (12 กันยายน 2559 ตามเวลาในประเทศไทย) และเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอันมาก เนื่องจากที่ผ่านมา หากผู้ใช้บริการ Messenger ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการจะต้องถูกดึงออกไปยังเว็บไซต์ภายนอกเพื่อชำระเงินมาโดยตลอด ซึ่งถือว่าไม่ค่อยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานเท่าไรนัก เมื่อมีการเพิ่มคุณสมบัติให้ Messenger รองรับการชำระเงินได้จึงเท่ากับปิดจุดอ่อนของระบบได้
สำหรับการแทรกคุณสมบัติชำระเงินนั้น ในฝั่งผู้บริโภค จะมองเห็นปุ่ม Buy Now ปรากฏขึ้นมาในหน้าจอการแชท และเมื่อคลิกเข้าไปจะนำไปสู่การจ่ายเงินบนแพลตฟอร์ม Messenger โดยผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ข้อมูลเครดิตการ์ดใบไหน (เฉพาะข้อมูลที่เก็บไว้บน Facebook หรือ Messenger เท่านั้น) ซึ่ง Messenger รองรับได้ทั้งบัตรเครดิตจากค่ายยักษ์ใหญ่เช่น Visa, MasterCard, American Express รวมถึงผู้ให้บริการอย่าง Stripe, PayPal และ Braintree ด้วย
นอกจากนี้ Marcus ยังประกาศด้วยว่า ผู้ใช้งานสามารถแชร์ Bots ที่ตัวเองชื่นชอบให้กับเพื่อนฝูงได้ด้วย และแทนที่ Bots จะแสดงผลโต้ตอบกับผู้บริโภคผ่านทางข้อความอย่างเดียวนั้น Messenger ก็อนุญาตให้นักพัฒนาสามารถดึงอินเทอร์เฟสจากหน้าเว็บไซต์ลงมาใส่ในบทสนทนาได้ ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้งานจะสามารถเลื่อนหาไฟล์ท – สายการบินที่ต้องการได้อย่างสะดวก หรือจะเล่นเกมไปด้วยในระหว่างแชทก็ยังได้
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในความสามารถของ Messenger Platform v1.2 ที่เปิดตัวขึ้นในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ดี บริการดังกล่าวนี้เปิดให้ใช้งานในวงจำกัด และรองรับเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งภาคธุรกิจที่สนใจสามารถสมัครได้ผ่านทาง Messenger Developer Webpage
Marcus เผยด้วยว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์ม Messenger มีนักพัฒนาอยู่ราว 34,000 คน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากในเดือนพฤษภาคมที่มีนักพัฒนาอยู่ประมาณ 10,000 คนเท่านั้น หรือในแง่จำนวนของ bots จากเดือนกรกฎาคมซึ่งมีอยู่เพียง 11,000 ตัวนั้น ปัจจุบันก็มีมากกว่า 30,000 ตัวแล้วด้วย
ความสำเร็จดังกล่าว ส่วนหนึ่ง Marcus ขอบคุณการสนับสนุนจาก Facebook ที่แยก Messenger ออกมาจากแอปหลัก และผลักดันผู้ใช้บริการให้เปลี่ยนมาใช้ Messenger ได้เป็นจำนวนมากนั่นเอง
ที่มา TechCrunch