สำหรับ Facebook Fanpage อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก สำหรับหลายๆ บริษัทที่ปัจจุบันก็มีหน้าเพจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่เคยสังเกตกันไหมครับ ว่าทำไมเพจที่เราทำถึงไม่ได้รับความนิยม หรือทำไมคนที่เข้ามาถึงมีแต่ขาจร แวะมาอ่านแล้วก็ไป ผมในฐานะที่ปัจจุบันก็ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจประเภท B2B หรือ Business to Business ก็เลยอยากจะมาแชร์ไอเดีย และสรุปมาให้เพื่อนๆ ชาว thumbsup’er ได้เป็นแนวทางในการไปประยุกต์ใช้กับหน้าเพจของตัวเองดูครับ…
จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมจะเอามาแชร์ก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป ที่ผมเชื่อว่าทุกท่านเองก็น่าจะรู้ และทำกันบ้างอยู่แล้ว แต่อาจจะขาดไปบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ลืมไปบ้าง แต่ก่อนอื่นเลยตัว Product หรือสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อสารไปให้ผู้อ่าน ควรจะมีความน่าสนใจอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว มิใช่ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว แต่จะพัฒนาให้มีคนเข้ามาอ่านจำนวนมหาศาลก็คงเป็นไปได้ยาก
Landing Page ของแบรนด์ดังอย่าง Victorias Secret
สิ่งแรก?ที่คุณสามารถตั้งให้ผู้อ่านเข้ามาพบ เมื่อพิมพ์ URL ที่อยู่ของหน้าเพจของคุณก็คือ “Landing Page” ซึ่งคุณไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป เพราะคำว่า “First Impression” เป็นคำที่ใช้ได้เสมอ หากคุณต้อนรับพวกเขาได้ดี พวกเขาก็มีโอกาสจะแวะมาเยี่ยมเยียนคุณบ่อยยิ่งขึ้นครับ ตัวอย่าง Landing Page ที่น่าสนใจก็มีอยู่มากมาย ได้แก่…
- Sony Ericsson’s Facebook Page
- Dell’s Facebook Page
- Adobe’s Facebook Page
- Diesel’s Facebook Page
- RedBull’s Facebook Page
ถัดมา คุณควรจะรู้ที่มาที่ไปของคนที่เข้ามาอ่านเพจของคุณว่าเป็นใคร มาจากไหน บางครั้งพวกเขาอาจจะเข้ามาจากระบบการค้นหาบน Google หรือเป็นไปได้ว่าคลิกบนหน้าโฆษณาบน Google หรือประเภทที่รับข่าวสารมาว่ามีการแจกรางวัล เป็นต้น เมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว คุณก็สามารถที่จะวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ซึ่งข้อมูลของคนที่มาแวะเวียนในเพจของคุณ สามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมืออย่าง Page Insights ครับ
เรื่องของสื่อ?ที่ใช้นำเสนอ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ว่ากันว่าสื่อประเภท “วิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว” มักได้รับความสนใจมากกว่า “ภาพนิ่ง” หรือ ข้อความที่เป็น “ตัวหนังสือ” ?อยู่เสมอๆ
หลายท่านอาจจะไม่เคยทราบว่า?ตัวเลขที่สำคัญ ที่จะใช้วัดว่าผู้ใช้งานหรือบรรดาแฟนๆ ผูกพันกับบริษัทมากแค่ไหน โดยแบ่งเป็นอัตราส่วนของการ “กด Like” และ “การแสดงความคิดเห็น” ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยของการกด Like นั้นมากกว่าการแสดงความคิดเห็น ประมาณ 7:3 เลยทีเดียว
“Content Marketing” หรือเนื้อหาที่จะโดนใจคือหัวใจของการมัดใจให้แฟนๆ เข้ามาใช้งานหน้าเพจของคุณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อหรือไม่ครับว่า Social Media เป็นวิธีหนึ่งที่บรรดาผู้ทำธุรกิจแบบ B2B เลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ ในขณะที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเนื้อหาสาระบทความที่ถูกนำเสนอ และโดนใจผู้อ่าน
จะดีมากขึ้นหากคุณใช้ Blog ร่วมกับบทความที่น่าสนใจ และนำเสนอด้วยช่องทางอย่าง Facebook Fanpage เพื่อเผยแพร่ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
หยุด พฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างเช่น การเขียนอัพเดตสถานะส่วนตัวของ Admin หรืออัพเดตสถานะด้วยข้อความเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีลิงค์ URL รูปภาพ หรือเนื้อหาอื่นๆ
นอกจากนี้ การโพสต์เนื้อหาที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือข้อความลักษณะเดิมแบบซ้ำๆ ความถี่ที่ไม่สม่ำเสมอ รวมถึงการไม่อ้างอิงถึงแหล่งที่มาข้อมูล (มีการเก็บสถิติว่าข้อความส่วนใหญ่บน Facebook ถูกค้นหาเจอได้ไม่ยากนัก นั่นทำให้คุณหมดความน่าเชื่อถือ) ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
การ?รวมเอาเนื้อหา?จากแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ มาผนวกเข้ากับหน้าเพจ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ ก็เป็นอีกวิธีที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับหน้าธุรกิจของคุณ ในวันนี้ SlideShare และ YouTube ก็มีสื่อดีๆ จำนวนมาก ที่พร้อมให้คุณไปนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การมี พันธมิตร บนหน้าเพจ เป็นสิ่งที่จะดึงผู้ใช้งานรายใหม่ๆ ให้เข้ามาพบเจอกับหน้าเพจของคุณ และยังทำให้การบอกต่อ ถูกส่งไปอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ลองไปหาหน้าเพจที่เหมาะกับการเป็นคู่ค้า หรือมีความเกี่ยวข้อง แล้วกด Like ให้พวกเขาบ้างก็อาจจะดีนะครับ
อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายวิธีอาจนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจทั่วๆ ไป หรือหน้าเพจที่ไม่ได้เจาะจงไปยังธุรกิจ แต่ใช่ว่าการเลือกวิธีทั้งหมดมาปฏิบัติจะทำให้ทุกอย่างบนหน้าเพจคุณดีขึ้นได้ทันที การเลือกเพียงวิธีที่เหมาะสมไปประยุกต์ใช้ ให้ถูกที่และถูกเวลา ก็อาจจะเพียงพอต่อการที่จะมัดใจแฟนๆ บนหน้าเพจของคุณแล้วล่ะครับ…