Site icon Thumbsup

Microsoft ผลักดันแนวคิดการความเท่าเทียมกันในสายงานไอทีของผู้หญิง

หลังเปิดตัวผู้เข้ารอบโครงการ Imagine Cup Thailand 2014 เมื่อไม่นานนี้ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 57 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมอนันตราสาธร ทาง Microsoft ได้จัดงาน Women Leaders And The New Asian Culture ขึ้นเพื่อแสดงถึงจุดยืนของทางองค์กรที่มีต่อสตรีในสายงานเทคโนโลยี

ในการสัมภาษณ์พิเศษหัวข้อ “บทบาทสตรีผู้นำ และ ศตวรรษใหม่ของภูมิภาคเอเชีย และการสนับสนุนและการยอมรับในความหลากหลายและการมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันของ Microsoft” หรือ Women Leaders ans The NewAsia Century and Microsoft’s leadership on Diversity and Inclusion นั้น ทางเราได้รับเกียรติจาก มร. ฮาเรซ คูจันดานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Microsoft (ประเทศไทย) จำกัด, ดร. แอสทริค ทูมิเนซ นักเขียน และ นักรณรงค์บทบาทผู้นำสตรี และผู้อำนวยการระดับภูิมภาคฝ่ายกฏหมสยและองค์กรสัมพันธ์ Microsoft ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท Microsoft ประเทศไทยให้เกียรติในการตอบคำถามจากสื่อต่างๆ

โดยทาง Microsoft ได้กล่าวถึงการทำงานเรื่องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตการทำงานและครอบครัวซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญของสตรีว่า อันที่จริงทางบริษัทนั้นไม่มีนโยบายการห้ามนำบุตรหลานมาที่ทำงานได้แต่อย่างใด ทางองค์กรสนับสนุนให้พนักงานหญิงของพวกเขาสามารถทำหน้าที่ในครอบครัวได้อย่างดีทั้งการพาบุตรหลาน หรือพ่อแม่มาที่ทำงานได้ หรือหากไม่สามารถหาทำงานได้ พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะทำงานจากที่บ้านโดยการใช้งาน Microsoft Lync ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถทำงาน หรือสื่อสารกับคนอื่นๆ ในองค์กรได้อย่างไม่สะดุด ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้าง Psychological Comforts หรือความสบายใจในการทำงานให้แก่พนักงานของพวกเขา และเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีโอกาสในการตัดสินใจและวางแผนการทำงานของพวกเขาด้วยตัวเองได้

อีกทั้งนโยบายดังกล่าวหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มพนักงานระดับสูงเท่านั้น แต่ทว่าพนักงานทุกคนสามารถทำงานนอกสถานที่หรือพาบุตรหลานมาที่ทำงานได้เช่นกัน ทั้งนี้พนักงานของพวกเขาเองนั้นก็จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบด้วยการรายงานตัว หรือประสานงานกับผู้จัดการของพวกเขาผ่าน Cloud Base Office ของทาง Microsoft ที่ทำให้พนักงานของพวกเขาสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลต่างๆ ของทางองค์การได้เสมือนว่าพวกเขาเข้ามานั่งทำงานที่บริษัทด้วยตัวเองได้อีกด้วย

โดยเครื่องมือที่ทาง Microsoft ให้พนักงานของพวกเขาใช้งานเพื่อการทำงานนอกสถานที่ได้นั้นคือ Microsoft Office 365 ที่สามารถใช้งานได้อุปกรณ์ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรืออุปกรณ์ Mac อื่นๆ ที่พนักงานของพวกเขาจะสามารถใช้งานโปรแกรมต่างๆ ที่พวกเขาคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น Microsoft Office, Microsoft Powerpoint หรืออื่นๆ ได้ อีกทั้งพวกเขายังสามารถแบ่งปันเอกสาร หรือภาพต่างๆ เพื่อให้ผู้ร่วมงานของพวกเขาเข้าใช้งาน หรือแก้ไขได้อีกด้วย นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสื่อสารกันผ่าน Yammer ซึ่งเป็นเสมือนโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับองค์กรของพวกเขาเท่านั้นได้อีกด้วย

นอกจากนี้ทาง Microsoft ยังได้กล่าวถึงนโยบายของทางองค์กรที่มีต่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่าพวกเขานั้นไม่มีนโยบายการห้ามใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กแต่อย่างใด อันที่จริงพวกเขาสนับสนุนให้พนักงานขสื่อสารกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซเชียลเน็ตเวิร์กภายในองค์กรอย่าง Yammer ที่จะทำให้พนักงานสามารถแชร์ภาพ สร้างกลุ่ม หรือกด Like ของเพื่อนร่วมองค์กร โดยพวกเขาเชื่อว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อองค์กรนั้นอาจมีส่วนช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารที่อาจจะคลาดเคลื่อน หรือขาดตกบกพร่องจากการใช้งาน Coporate Mail ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้สำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ ในที่ทำงานนั้นไม่ได้มีการห้ามใช้งานแต่อย่างใด แต่ยังมองว่าพนักงานนั้นควรต้องรู้ถึงลิมิต และมารยาทในการทำงานของพวกเขาด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ทาง Microsoft ยังได้กล่าวถึงวิธีที่พวกเขาจะดึงให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานองค์กรว่าพวกเขาได้เริ่มตั้งแต่การวางนโยบายภายในองค์กร ให้จัดหาผู้สมัครงานที่เป็นทั้งชายและหญิงเพื่อการพิจารณา อีกทั้งทาง Microsoft เองนั้นก็ไดเผยอีกว่าสำหรับพนักงานหญิงนั้นพวกเขาจะมี Special Training ให้พนักงานเหล่านั้นอีกด้วย ขณะเดียวกันเมื่อพนักงานได้เข้ามาทำงานในองค์กรแล้ว เมื่อต้องมีการปรับเลื่อนขั้นทางองค์กรจะทำการพิจารณาพนักงานทั้งสองเพศอย่างเท่าเทียม

อีกทั้งทาง คุณฮาเรซ แห่ง Microsoft ยังได้กล่าวตอบโต้เรื่องผลการวิจัยและความเชื่อเดิมๆ ที่ว่าเพศชายนั้นมีแนวโน้มจะมีสมรรถภาพในการทำงานและมีกำลังมากกว่าเพศหญิงว่า ที่จริงแล้วเขาไม่สามารถตอบได้ว่าพวกเขาเห็นด้วยกับผลการวิจัยนั้นๆ หรือไม่ แต่ทว่าการที่ทาง Microsoft นั้นผลักดันให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานในองค์กรมากขึ้นนั้นก็เพื่อให้องค์กรมีสมรรถภาพในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้นด้วยการมีมุมมองที่ต่างกันออกไป

นอกจากนี้ดร. แอสทริคยังได้กล่าวว่าปัจจัยเรื่องกำลังกายในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีผลต่อการทำงานของแต่ละเพศแต่อย่างใด โดยเธอได้อ้างอิงถึงผลการศึกษาจาก Mckinsey ที่ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของผู้หญิงว่าอันที่จริงทั้งสองเพศนั้นมีความทะเยอทะยานและประสิทพธิภาพในการทำงานที่เท่าเทียมกัน  แต่สาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้มากเท่าที่ควรนั้นมาจากปัจจัยเรื่องความไม่มั่นใจในตัวเองของพวกเธอเสียมากกว่า และเธอก็มองว่าผู้หญิงเองก็มีจุดแข็งบางจุดที่ผู้ชายไม่มี และความต่างนี้เองที่จะทำให้องค์กรนั้นมีความเข้มแข็งมากขึ้น และทาง Microsoft นั้นก็ยังจะมีโครงการดีๆ เพื่อช่วยสังคมไทย ทั้งด้านการพัฒนาสังคม และความเป็นอยู่ไปจนถึงการพัฒนาศักยภาพให้คนไทยต่อไปอีกด้วย