ยุคนี้นอกจากจะถือว่าเป็นยุคที่มีความก้าวหน้าทางแพทย์อย่างมากแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะในยุคนี้ที่หนุ่มสาวออฟฟิศกำลังเผชิญปัญหา Office syndrome และถึงแม้ว่า “ไมเกรน” จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็เป็นความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ทำให้เราใช้ชีวิตกันยากขึ้น
ว่ากันว่าแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับไมเกรนส่วนมากจะไม่ได้เรื่อง เพราะไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นสมุดบันทึกอาการและการวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่กับ Migraine Buddy แอปสัญชาติสิงคโปร์ที่มีเป้าหมายทะเยอทะยานกว่านั้น
ลองจินตนาการถึงการมีคุณหมออยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา Migraine Buddy พยายามที่จะเข้าใจถึงสาเหตุของการปวดหัวและวิธีการที่ดีที่สุดที่จะหยุดอาการดังกล่าว โดยจะให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วย กิจวัตรประจำวัน และการรักษา โดย Migraine Buddy จะทำงานร่วมกับ Sensor ของสมาร์ทโฟนเพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลการนอนหลับและลักษณะการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหาที่มาของอาการ ซึ่งก็เป็นไปตามที่แพทย์เคยออกมาชี้แจงว่าการอดนอนและพฤติกรรมที่ตึงเครียดจนเกินไปอาจจะเป็นสาเหตุของโรคไมเกรน
ทันทีที่แอปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานได้มากพอ ก็จะแสดงข้อมูลเพื่อบ่งชี้ว่าอาการจะเกิดขึ้นเมื่อไร อะไรที่เป็นปัจจัย รวมไปถึงบอกวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับผู้ใช้งานด้วยการดึงข้อมูลการรักษาที่ผู้ใช้งานได้บันทึกไว้และเปรียบเทียบข้อมูลนั้นกับความรุนแรงของอาการไมเกรน
“การทำงานของมันจะคล้ายกับแพทย์ที่แนะนำการรักษาในแบบต่าง ๆ กับคนไข้ แอปไมเกรนส่วนใหญ่จะไม่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ เราจึงรวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้เลือกทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง” กล่าวโดย Veronica Chew ผู้ร่วมก่อตั้ง Healint ซึ่งเป็น Startup ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Migraine Buddy
ผู้ใช้งานอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล แต่ Chew กล่าวว่า การโจรกรรมข้อมูลจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น เพราะแอปจะทำการสำรองข้อมูลแยกต่างหาก ซึ่งหมายความว่าจะต้องเจาะข้อมูลถึง 2 เซิร์ฟเวอร์เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ แพทย์ผู้ทำการรักษายังสามารถล็อกอินผ่าน Migraine buddy เพื่อติดตามข้อมูลของผู้ป่วยจากในระยะไกลได้ทันที จะเห็นได้ว่าแอปนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่หมอ แต่เพื่อช่วยให้หมอทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้ Migraine Buddy มีให้ใช้เฉพาะกลุ่มนักประสาทวิทยาในสิงคโปร์ที่ทำงานร่วมกับ Healint เท่านั้น และมีโครงการที่จะขอความร่วมมือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอีกเป็นจำนวนมากในเร็ว ๆ นี้
สำหรับผู้ใช้งานแอนดรอยด์ ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้แต่ต้องขอรหัสเข้าใช้งานจากแพทย์ผู้ทำการรักษาเท่านั้น
ผู้ป่วยไมเกรนที่ไม่ได้อยู่ในสิงคโปร์และไม่ได้ใช้แอนดรอยด์อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะ Healint กำลังพัฒนา เวอร์ชั่น Lite ให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากแพทย์ อีกทั้งยังได้วางแผนที่จะพัฒนาให้สามารถใช้งานบน iPhone ได้อีกด้วย และนอกจากสิงคโปร์แล้ว Healint ก็มีโครงการความร่วมมือกับกลุ่มแพทย์ในมาเลเซียเช่นกัน
ที่มา : Tech in Asia