เรื่องความสวยความงามกับผู้หญิงมักเป็นของคู่กัน เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนไม่ได้มีลิปสติกเพียงแท่งเดียวแน่ๆ ยังไม่นับ มาสคาร่า อายไลเนอร์ เฉดดิ้งสีต่างๆ เพื่อให้ใบหน้าของคุณสวยสมวัยพร้อมออกไปพบเจอผู้คนภายนอก แต่ด้วยพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ชอบอ่านรีวิวเครื่องสำอาง และความชอบลองสีที่เหมาะกับใบหน้าของคุณ ทำให้มีแบรนด์เครื่องสำอางจำนวนมากที่ทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ แต่บางครั้งการมีหน้าร้านแบบออฟไลน์ก็ช่วยให้เราได้ทดลองก่อนเสียเงิน

ธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการ KIS  BEAUTY STORE ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เล่าให้ฟังว่า ตลาดเครื่องสำอางทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีโอกาสท่ีดีมาก คนที่มาเดินห้างสรรพสินค้าไม่ได้มีแต่คนอายุ 40 ขึ้นไปเพียงอย่างเดียว แต่มีกลุ่มมิลเลนเนียลที่อายุตั้งแต่ 25-34 ปี ที่ต้องการช้อปสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางแบบตามใจฉันด้วย

KIS = Keep in style เชื่อว่าทุกคนอยากมีสไตล์ที่ดีและหลากหลาย เป็นคอนเซ็ปต์ที่จะส่งต่อให้นักช้อปชาวมิลเลนเนียล รู้สึกว่าสามารถเข้าถึงแบรนด์สินค้ากลุ่มนี้ได้ตามความต้องการของตนเอง ไม่ต้องมีพนักงานมาคอยเดินตามหรือชักจูง เพราะตนเองได้หาข้อมูลและสิ่งที่ต้องการมาแล้ว

ตลาดเครื่องสำอางยังดีต่อเนื่อง

จากผลการสำรวจ ตลาดเครื่องสำอางของโลก พบว่า ในปี 2018 มีมูลค่าประมาณ 15 ล้าน ล้านบาท โตขึ้นจากปี 2017 คิดเป็น 4% ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทย ปี 2018 มีมูลค่ารวมกว่า 2.2 แสน ล้านบาท โตขึ้นจากปี 2017 คิดเป็น 7.4%

โดยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากเจาะเฉพาะผลิตภัณฑ์ความงามของไทย จะพบสัดส่วนแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (Skincare) 39% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย (Hygiene) 31% ผลิตภัณฑ์ผม (Hair) 14% เครื่องสำอาง (Makeup) 12% และน้ำหอม (Fragrance) 4%

โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 25 – 34 ปี หรือกลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียลส์ (Millennials) ซึ่งอยู่ในช่วงวัยเริ่มทำงาน ครองสัดส่วนถึง 43% ต่อยอดขายทั้งมูลค่าและปริมาณ และเมื่อผนวกเข้ากับกลุ่มคนเจเนอเรชั่นแซด (Generation Z) จะยิ่งได้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ได้เปิดให้บริการสาขาแรก เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และยังมีแผนขยาย เปิดเพิ่มอีก 2 สาขาภายในปี 2019  ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และห้างสรรพสินค้าเซน ใช้งบลงทุนราว 170 ล้านบาท

โดยคาดว่า ภายในสิ้นปี 2019 เราจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 5 ปี (หรือปี2023) จะเปิดสาขาได้ครบ 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต ป่าตอง เชียงใหม่ ฯลฯ ด้วยยอดขายรวมถึง 3,500ล้านบาท

การเดินหน้าเปิดตัว KIS ในครั้งนี้ เตรียมการมากว่า 1 ปีและฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่ เพื่อดึง Insight ของคนรุ่นใหม่จริงๆ มาปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเขาจริงๆ ดังนั้น เราจึงเลือกคนรุ่นใหม่เข้ามา lead โปรเจคนี้

ทั้งนี้ เรามองว่าตลาดบิวตี้เป็นตลาดที่กว้างและเซ็นทรัลก็ยังไม่ได้เข้าถึงคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มากนัก แม้ว่าจะมีค่าเฉลี่ยต่อบิลไม่เท่ากับกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังซื้อสูงถึง 4,000 บาท/บิล เชื่อว่าจะมีค่าเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ 1,200 บาท/บิล ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการมาไม่นานมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายสูงกว่ายอดที่คาดการณ์ไว้ อาจเพราะกำลังมีโปรโมชั่นในขณะนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามในร้าน KIS จะมีสินค้าแบรนด์ที่เป็น MASS มากกว่า แต่มีแบรนด์ Hi-End ในราคาจับต้องได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่กลุ่มมิลเลนเนียลอาจไม่ได้ต้องการสินค้าขวดใหญ่ราคาแพง แต่ต้องการขนาดทดลองและราคาจับต้องได้ เพื่อทดลองใช้ก่อนว่าเหมาะกับสภาพผิวหรือไม่ อีกทั้งคนกลุ่มนี้ชอบลองของใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้มีจำนวนเครื่องสำอางมากกว่าผู้ใหญ่ที่ซื้อชิ้นเดียว ราคาสูงแต่ใช้งานได้นาน

นอกจากนี้ สินค้าในร้านจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 99-1,000 บาทขึ้นไป จำนวนสินค้ามีกว่า 300 แบรนด์และอีกหลายร้อย SKU เชื่อว่าจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มความงามได้เป็นอย่างดี