มายด์แชร์ได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับแนวโน้มหรือเทรนด์ผู้บริโภคและข้อมูลที่จะมีผลต่อการวางแผนการสื่อสารของนักการตลาดในปี 2022 พบว่า ผู้บริโภคมีการปรับตัวในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลต่อข้อมูลและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นักการตลาดและแบรนด์ควรนำไปปรับใช้ในการวางแผนการตลาดในปีนี้
คุณ ณัฐา ปิยะวิโรจน์เสถียร Head of Strategy กล่าวว่า ด้วยความที่เราอยู่กับ pandemic มาสองปีเศษแล้ว และถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะเข้าสู่ wave ที่ 5 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่สิ่งที่ผลสำรวจพบคือ ผู้บริโภคมีการปรับตัวและมีความรู้ความเข้าใจในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมมากขึ้นและแบบที่มีความระความระมัดระวังในมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้เองที่จะทำให้เราเห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่กลับออกมาใช้ชีวิตในสังคมและมีผลต่อการวางแผนการตลาดในปีนี้
แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่พบได้ในปัจจุบัน
- การกลับใช้ชีวิตในสังคมแบบเกือบปกติโดยมีความระมัดระวังในมากยิ่งขึ้น (Mindful Togetherness) อันจะส่งผลต่อรูปแบบของการใช้ชีวิตร่วมกันในลักษณะ ดังนี้
- Phygital Community: การผนึกรวมระหว่างช่องทางจำหน่ายหน้าร้านและการขายออนไลน์ (physical + digital) ที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และสร้าง engage กับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
- Contactless Connection: ประสบการไร้สัมผัสจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นสำหรับช่องทางการจำหน่ายหน้าร้าน รวมถึงการออกแบบสินค้าทีนำเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในเรื่องของความสะอาดและสุขลักษณะมากยิ่งขึ้น
- Omnichannel Retail: แบรนด์จะต้องปรับตัวในยุค post-pandemic โดยการรวบข้อมูลจากช่องทางต่างๆ เข้าด้วยกัน สร้าง touchpoint ต่างๆ ให้เกิดการซื้อและรับสินค้าสะดวกทั้ง online และ offline
2. ผู้บริโภคยังคงหาประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจากการอยู่บ้านอีกต่อไปหรือไม่ (Homebody Economy?) ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ดังนี้
- Hometainment: หรือ home + entertainment ที่แบรนด์หรือแพลตฟอร์มควรสนองประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคให้เหนือความคาดหมายกว่าเดิม
- Statement of Place and Space: การออกแบบหรือการสร้างคุณค่าและประสบการณ์ของสถานที่ให้มีคุณค่าและความหมายที่ลึกซึ้งและหลากหลายกว่าเดิม
- Survive or Alive?: การที่แบรนด์ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการมีชีวิตอยู่เพื่อทำตามสิ่งที่ต้องการ
3. เทรนด์ที่ผู้บริโภคย้อนนึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่น่าจดจำ หรือย้อนยุคต่างๆ (Nostalgia Reminiscing)
- Down the Memory Lane: แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่เราอยู่ในยุค digital เทรนด์ข้อนี้ก็อาจจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเติมเต็มวิถีของผู้บริโภคด้วย
4. ยุคของโลกเสมือนจริง (Live More Than One Life)
- Mega Metaverse: กระแสที่มาแรงในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งเทคโนโลยีที่แบรนด์สามารถนำพาผู้บริโภคไปอยู่ในโลกเสมือนจริงอีกโลกหนึ่งนี้ ได้ผ่านเทคโนโลยีอย่าง AR/ VR นอกจากจะทำให้แบรนด์สามารถ engage กับผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งแล้ว ยังทำให้เราก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆที่ไม่สามารถทำได้ในชีวิตจริงอีกด้วย
- No More Middle Man: การเกิดขึ้นของ blockchain ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการกระจายอำนาจ (decentralize) เกิดขึ้น ผลพวงของการกระจายอำนาจทางด้านการเงินที่ทำให้เกิด cryptocurrency ที่ว่ายังกระจายไปสู่วงการเกมส์และศิลปะอีกด้วย
5.ยุคที่ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญและความใส่ใจกับสิ่งต่างๆรอบตัวมากขึ้นทั้งกับตัวเอง คนใกล้ตัว และสังคม สิ่งแวดล้อม (Brighter, Bolder, Better, Build Back) ซึ่งผู้บริโภคแสดงออกมาในรูปแบบของ
- Play a Part: การมีส่วนร่วมในกระแสสังคม
- Well – Balance Wellness: การใส่ใจเรื่องสุขภาพ
6.เทคโนโลยีจะเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์และ journey ของผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม (Interactive Future)
- Voice, Visual, Video, and Virtual Assistant: ที่จะกระตุ้นและเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบโต้ตอบของผู้บริโภคและเติมเต็มช่องว่างที่ผู้บริโภคอาจมีในใจระหว่างการช็อปปิ้งทางกายภาพและประสบการณ์ออนไลน์
- Shoppable Media: สื่อที่เป็นได้มากกว่าการสร้าง awareness และ engagement หรือการทำหน้าที่ในการปิดการขายได้เลย ทำให้ journey ของผู้บริโภคกระชับกว่าเดิม
- In Control and On Demand: เทคโนโลยรและแฟลตฟอร์มต่างๆบนโลกออนไลน์จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการควบคุม จัดการกับเวลาหรือคอนเทนท์ที่จะเข้าถึงได้ตามความสะดวกและเหมาะสม
แนวโน้มของโลกดาต้าที่นักการตลาดควรรู้
- แบรนด์ต้องมี Right data ไม่ใช่ Big Data
- ยุคของการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI (Precisely Human)
- นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับ 1st Party Data ให้มากขึ้น
- ยุคของ Metaverse และการเตรียมรับมือกับ data ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่