ทาง Mindshare บริษัทเอเยนซีเครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสารในประเทศไทย หนึ่งในเครือ WWP Network ได้เปิดบ้านพร้อมเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นในปี 2558 พร้อมให้มุมมองต่อการตลาดในปี 2559 ซึ่งเน้นว่าแบรนด์ควรมีการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการสื่อสารการตลาดให้ครอบคลุมและเชื่อมถึงทุกแพล็ตฟอร์ม
คุณปัทมวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการ Mindshare ได้พูดถึงข้อมูลที่มีในปี 2558 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปว่า เป็นปีแห่งความคิด (Wise) และมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเยอะ (Compassionate)
ส่วนตัวเลข GDP ที่มีการคาดการณ์เอาไว้เมื่อปลายปี 2557 ว่าปี 2558 น่าจะอยู่ในช่วง 2-4% ถึงเดือนพฤศจิกายน จบที่ 2.9% ตามที่คาดเอาไว้
ความมั่นใจของ consumer เริ่มต้นปีสูงมากจนมาช่วง Q3 ลดลงและตอนนี้เริ่มกลับมาเป็นขาขี่นอีกครั้ง
Advertisement Expenditure หรือ ADEX (เม็ดเงินในการลงโฆษณา) ที่มีการคาดการณ์ว่าจะโตอยู่ที่ 4-7% ตัวเลข ณ ตอนนี้อยู่ที่ 4.5
เงินที่ลงไป TV ยังคงมีเม็ดเงินลงเพื่อการโฆษณาอยู่ โดยลงไปเกือบ 70% analog 47% digital 17% และ เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม 5%
จากตัวเลขในการชมทีวีดิจิทัลสามารถคาดการณ์ได้ว่า ช่องทีวีดิจิทัลจะแซงช่องอนาลอคภายใน 2 ปี
การดูทีวีในตอนนี้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วยจำนวนช่องที่มากขึ้น โดยตอนนี้ Digital TV ที่ดูเยอะที่สุดคือ Workpoint รองลงมาคือ ช่อง 8
ภาพรวมของดิจิทัลในประเทศไทย (ข้อมูลบางอย่างอาจมีการอัปเดทแล้ว เช่น Instagram อยู่ที่ 7.1 ล้าน เป็นต้น)
10 อันดับของอุตสาหกรรมที่เทเม็ดเงินลงสู่ดิจิทัล และ 10 แบรนด์ที่ใช้เงินบนดิจิทัลมากที่สุด
ความน่าสนใจอยู่ที่ FMCG ของสองค่ายใหญ่ในอันดับ 1 และ 7 ที่มีเม็ดเงินเพิ่มและลดที่แตกต่างกันอย่างมาก และสิ่งที่รู้ก็คือ มีการถ่ายเทการลงเงินจากออฟไลน์ไปยังดิจิทัลมากขึ้น
สำหรับปี 2016 ทาง Mindshare แทนด้วย 4 คำ enthusiastic, self-assured, sociable, innovative มีความกระตือรือร้นมากขึ้นรวมทั้งมี Innovative มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
ส่วนการคาดการณ์ตัวเลขต่างๆ มีดังนี้
- ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาจะใกล้เคียงกับปี 2558 คืออยู่ในช่วง 3-6% โดยขึ้นอยู่กับ Category ของสินค้าและแบรนด์นั้นๆ ด้วย
- คนที่เป็น Advertiser ก็น่าจะยังคงติดอันดับเหมือนเดิม
- ดิจิทัลทีวีจะไม่ใช่เรื่องใหม่ และจะมีการวัดผลที่มีความชัดเจนมากกว่าเดิม
- การเชื่อมโยงกันของ Media Landscape จะถูกดึงเข้าหาและหลอมรวมกันมากขึ้น
- Multi-screen แบรนด์จะต้องไม่อยู่แค่บนหน้าจอทีวีเท่านั้น แต่ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการทำแคมเปญร่วมกับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต
- คนที่เป็น Advertiser ก็น่าจะยังคงติดอันดับเหมือนเดิม
- ทิศทางของ Content จะไปเริ่มที่ออนไลน์ แล้วไปที่ OOH แล้วจึงลงสู่โฆษณา โดยวิธีการทำโฆษณาจะเริ่มคิดด้วย Content ก่อน โดยจะคิดว่า Content จะอยู่ในมิติไหนได้บ้าง โดยยึดกับ Branded ที่ทำอยู่ นั่นคือจะต้องมองหลายๆ มิติในการเข้าถึงคนแต่ละช่องทาง
- เราเห็น Old Media เริ่มแปลงตัวเป็น New Media แล้ว สังเกตเห็นได้จากป้ายโฆษณาที่มีความเคลื่อนไหวมากขึ้น
- สื่อสิ่งพิมพ์จะเริ่มแปลง Format มาเป็นออนไลน์ โดยจะมีการเจาะจงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น (สามารถเก็บเงินได้แพงขึ้นแต่ก็แลกกับการได้กลุ่มที่ติดตามเฉพาะมากขึ้นด้วย)
เทรนด์ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนในปี 2559 ทาง Mindshare ให้มา 5 ข้อ ได้แก่
- Mobile anywhere anytime – สื่อจะเคลื่อนที่ไปทุกที่ด้วยสมาร์ทโฟน
- คนไทยติดมือถือมากที่สุดในโลก เกือบ 4 ชั่วโมงต่อวัน
- ดูทีวีแล้วเข้ามายังโมบายล์เลย ไม่วิ่งไป desktop แล้ว เห็นได้ชัดจากต่างจังหวัด
- multiscreen การชมทีวีไม่ได้น้อยลง แต่เป็นการใช้งานควบคู่กัน
- more connected เชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่อง
- เริ่มมีการใช้ technology ในการติดต่อกับลูกค้ามากขึ้น เช่นการใช้ ibeacon ที่น่าจะเห็นชัดขึ้น
- การทำ omnichannel ที่ชัดกว่าเดิม
- media convergence – consolidate platform
- การรวมตัวกันของแพล็ตฟอร์ม นั่นคือการจะมีเจ้าใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้า เริ่มมีการทำงานร่วมกัน
- personalized experiences
- เราจะเริ่มเลือกในสิ่งที่เป็น personalize ที่เราสนใจและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
- Smart data for Real-time Adaptive Marketing
- target, real-time, personal มีการ target มากกว่าเดิม niche กว่าเดิม
นอกจากการพูดถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทาง Mindshare ได้ทำการเปิดตัว Loop Room การรวบรวมข้อมูลทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนออนไลน์และออฟไลน์เข้ามาวิเคราะห์ในเชิงลึกในแบบ Real-Time ซึ่งก็จะสามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงและรู้เทรนด์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับคิดทำแคมเปญของแบรนด์ที่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
โดยข้อมูลที่เอามาใช้ใน Loop Room ได้แก่
- Fast moving data เช่น Google Trends
- Slow moving data เช่น การใช้เงิน, TV Spending จาก Neilsens
- Social Listening การฟังเสียงที่เป็นด้านบวกและด้านลบบนโลกออนไลน์ผ่านการใช้ Tools เช่น Th3re ของ Computerlogy
ด้วยบริการนี้จะช่วยให้สามารถเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคในสถานการณ์และพัฒนากลยุทธให้ล้อไปกับแคมเปญที่แบรนด์ต้องการได้
ทั้งหมดคือข้อมูลที่ทาง Mindshare เปิดเผย ซึ่งทิศทางที่เราเห็นและจับต้องได้คือ เม็ดเงินมหาศาลที่จะวิ่งมาสู่ออนไลน์ และไม่ใช่แค่ออนไลน์ ทีวีก็ยังคงเป็นสื่อหลักที่ยังทิ้งไม่ได้ โดยการทำก็คือการเอาหลายๆ สิ่งมาผสมผสานกันกับออนไลน์ ทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และแบรนด์ต้องได้ Conversion ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย