แม้สถานการณ์ COVID-19 จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่การปรับตัวธุรกิจเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อให้การทำธุรกิจในอนาคตเป็นไปอย่างแข็งแรงและมั่นคง ทีมงาน thumbsup ได้คุยกับ อ.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตร Master in Branding and Marketing ภาษาอังกฤษ และอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการวางแผนและเตรียมความพร้อม เพื่อให้ธุรกิจในอนาคต สามารถทำต่อไปได้อย่างราบรื่น รวมถึงเป็นการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจได้ดีขึ้นด้วย
สิ่งที่ธุรกิจควรเตรียมพร้อม
เตรียมอย่างแรกคือเตรียมใจและทำใจตลอดว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอ คู่แข่งใหม่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา บางทีลูกค้ากลายเป็นคู่แข่ง หลายธุรกิจลูกค้าทำเองได้แล้ว วันนี้ลูกค้ากลายเป็นคู่แข่งคือต้องเตรียมใจ เตรียมเงิน (Cash is King) ต้องทำให้อยู่ได้ยาวๆ และเตรียมคนไว้หรือยัง ทั้งทักษะการจัดการอารมณ์และสิ่งใหม่ๆ
จากนั้นเตรียมระบบเรื่องการขายออนไลน์เป็นงานหลัก ระบบ CRM ลูกค้าที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ สุดท้ายเตรียมเรื่องการดูแลสังคมไปด้วยกัน ถ้าเราทำใจไปจนถึงทำดี เรื่องเงิน ระบบ คน ก็จะเป็นตัวร้อยเรียง และสู้กับโควิดได้พอไหว อย่าคิดจะเอาชนะนะครับ แค่พอไหวก็พอ
วิเคราะห์ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง
หากพูดในมุมของธุรกิจค้าปลีกและการเงินของไทย แม้จะดูภาพรวมจะไม่เหมือนกันแต่มีองค์ประกอบร่วมหลายอย่างเหมือนกัน ที่จะเห็นประเด็นสำคัญคือเรื่องของ Touchless สิ่งที่แตกต่างกันคือ
ถ้าเป็นค้าปลีกก็จะเป็น Touchless retailing ไม่ต้องไปเอง ไม่ต้องลองเอง ไม่ต้องเปิดมาลองชิม นี่คือ Touchless ของฝั่งรีเทล ที่จะเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น
ส่วนการเงินจะมี Touchless Solution Financial solution หรือพวก Financial Service ต่างๆ สมัยก่อน ลูกค้าต้องเดินเข้าไปที่สาขาและจับปากกาเซ็นต์ชื่อในเอกสารต่างๆ มายุคนี้ก็ยกประโยชน์ให้ทรานเซคชั่นก็ได้ คือทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ได้หมดแล้ว
ต่อมาคือ เราจะเห็นฟังก์ชั่นกู้เงินออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างเร็วขึ้น ด้วยการเข้าถึงสินค้าออนไลน์แบบรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจร้านขายของออนไลน์ ต้องทำงานเป็น 24 ชั่วโมงและตอบสนองลูกค้าได้แบบอัตโนมัติมากขึ้น นี่คือจุดเชื่อมของ Touchless ที่เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
นอกจากนี้ เราจะเห็นภาคธุรกิจมีความ Competitive มากขึ้น จากเดิมอุตสาหกรรมการเงินจะมองแค่คู่แข่งในกลุ่มของตัวเอง แต่มายุคนี้โอกาสของเงินจะเข้ามีความสำคัญมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาสของธุรกิจที่ไม่เคยทำเรื่องการเงิน จะมาเล่นในกลุ่มการเงินมากขึ้น เช่น โลจิสติกส์ หรือไอซีที รีเทลบางแห่ง ซึ่งจะเป็นในรูปแบบของวอลเลต หรือใช้เงินสะสมในบัตรมาช่วยการใช้จ่ายแทนเงินสดมากขึ้น
ส่งผลให้สถาบันการเงินมีคู่แข่งหน้าใหม่ข้ามอุตสาหกรรมเยอะขึ้น หรือคนที่เคยทำค้าส่งก็ปรับมาเป็นค้าปลีกมากขึ้น และสองอุตสาหกรรมนี้ก็จะ very competitive มากขึ้น
Survival kit ตัวช่วยธุรกิจยุคใหม่
Survival Kit ของการตลาดในยุคนี้ แปลว่าช่วยให้ไม่ตาย ไม่ใช่ช่วยให้โตนะครับ เป็นการวางแผนกลยุทธ์แบบรอบด้าน ซึ่งต้องคิด 3 มุมคือ
- Customer Survival Kit คือ ต้องหาลูกค้าให้เจอว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน ถ้าเราไม่ได้เก็บข้อมูลลูกค้าส่วนนี้ไว้ แล้วจะไปหาลูกค้าเหล่านี้เจอได้อย่างไร ถ้าหาไม่เจอก็ต้องหาลูกค้าใหม่ให้เจอ ถ้าหาข้อมูลลูกค้าเก่าไม่เจอ ก็อาจจะต้องสร้างขึ้นมาจากข้อมูลใหม่ ที่มาจากการสังเกต ใช้ความสัมพันธ์ใช้การพูดคุยเข้าช่วย เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องใช้ระบบใหม่ ใช้การปรับใจและสิ่งที่ตนเองพอมี
- Competitive Survival Kit นอกจากจะหาลูกค้าใหม่เจอ ต้องมีกลยุทธ์ที่ใช้ได้ แบ่งเป็น ต้องให้ความรู้สึกปลอดภัยกับลูกค้า ป้องกันเรื่องความรู้สึกที่ดี Suitable price การตั้งราคาที่เหมาะสม การตั้งราคาสินค้าแบบพรีเมียมอันตรายมาก เพราะช่วงโควิดลูกค้ารู้ต้นทุนสินค้าแล้ว ไม่ใช่แค่การสร้างสตอรี่ แต่ต้องคุยอย่างจริงใจ เรียกว่า Sincerity เครื่องมือหนึ่งใน 5S ที่ต้องนำมาใช้งาน
- Company Staff คือการเตรียมพร้อมคนให้มีทักษะและความสามารถรับการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่พนักงานต้องมีทุกท่าน เพราะงานบริการคือสิ่งสำคัญ
หากถ้ามีครบก็จะพอช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในยุคนี้