หลายกระแสพูดถึงเรื่องการเติบโตของสมาร์ทโฟน กับการมาแทนที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ว่ามีเค้าความเป็นไปได้อย่างมาก thumbsup เองก็เคยนำเสนอเรื่องนี้ไปเช่นกัน ล่าสุดมีตัวเลขเปิดเผยถึงจำนวนการเข้าใช้งานข้อมูลผ่าน Wi-Fi ในสหรัฐฯ ว่ามีเทรนด์ที่เปลี่ยนไป ว่าแต่เปลี่ยนอย่างไร ไปติดตามกันดีกว่าครับ…
โดยข้อมูลผลสำรวจนี้เกิดขึ้นโดยบริษัท Meraki ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการประเภท Cloud Service ในสหรัฐฯ โดยอ้างถึงกลุ่มตัวอย่างเกินหนึ่งแสนรายที่มีการใช้เข้าใช้งานระบบ Wi-Fi ทั้งในที่สาธารณะ หรือสถานศึกษาทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสำรวจช่วงเวลาเดียวกันในปี 2010 และปีนี้
โดยในปีก่อนเฉพาะบน PC และคอมพิวเตอร์ Labtop ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Mac OS และ Windows นั้นมีจำนวนสูงมา คิดเป็นร้อยละ 64 ของอุปกรณ์ทั้งหมด (จับจากระบบปฏิบัติการที่เข้าใช้งาน) ในขณะที่สมาร์ทโฟนอย่าง iPhone และ iPod Touch นั้นมีรวมกันเพียงร้อยละ 11 เท่านั้น ส่วน Android OS นั้นมีน้อยมาก คือไม่ถึงร้อยละ 1 ด้วยซ้ำไป โดยตัวเลขนี้สำรวจในช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน
แต่พอมาครึ่งปีแรกของปี 2011 นี้ ตัวเลขกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดย Android Devices ที่เป็นสมาร์ทโฟนและแท๊บเล็ต มีตัวเลขปริมาณการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อนราวร้อยละ 10 ในขณะที่ iPad เริ่มมีการใช้งานในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยแสดงตัวเลขกว่าร้อยละ 4 ในขณะที่ยอดรวมการใช้งานของคอมพิวเตอร์สองค่ายใหญ่อย่าง Apple และ Microsoft กลับตกลงไปอย่างน่าใจหาย เหลือเพียงร้อยละ 36 เท่านั้น
ซึ่งแม้ตัวเลขของ iPad อาจจะไม่ได้ดูมากจนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์พกพา มีจำนวนการใช้งานที่มากขึ้นอย่างชัดเจน แต่หากมองถึงการใช้งานจริงระหว่าง iPad กับสมาร์ทโฟนด้วยกันนั้น จะเห็นความแตกต่างได้ทันที จากภาพข้างล่างนี้
โดยภาพแสดงให้เห็นถึงการใช้งานโดยเฉลี่ยของอุปกรณ์ เปรียบเทียบระหว่างบรรดาสมาร์ทโฟน กับ iPad ซึ่งจะเห็นได้ว่า iPad มีการใช้งาน Wi-Fi ต่อเดือนสูงถึงเกือบเดือนละ 200 MB ในขณะที่สมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปนั้น ใช้กันเพียงไม่ถึง 40 MB ซึ่งคิดเป็นตัวเลขที่มากกว่าถึง 400 เปอร์เซนต์ หรือตัวเลข 5 เท่าตัวนั่นเอง
ในอานคตเราเชื่อว่าตัวเลขเหล่านี้คงปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเติบโตก็น่าจะแปรผกผันกัน ในขณะที่สมาร์ทโฟนเติบโตอย่างต่อเนื่อง คอมพิวเตอร์ PC ก็จะเติบโตในอัตราที่ลดลงเรื่อยๆ แม้จะไม่ทำให้ PC หายไปจากตลาด แต่ด้วยปริมาณการบริโภคข้อมูล ผู้ผลิตและผู้ให้บริการคงต้องปรับตัวให้เข้ากับทิศทางแนวโน้มของตลาดให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ…
ที่มา:?GigaOm